นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่โลกออนไลน์ได้แห่แชร์คลิปคำให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ที่ให้สัมภาษณ์ต่อนายสุทธิชัย หยุ่น ทางเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา โดยช่วงหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า หมอกหนาที่เห็นในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่หมอกความชื้น ทำให้เห็นเป็นภาพขมุกขมัวในตอนเช้า ซึ่งคล้ายหมอกในภาคเหนือที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชม โดยอ้างว่ากรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่าเป็นหมอกความชื้น ซึ่งรวมหมอกควันจากฝุ่นด้วย แต่มีสัดส่วนเท่าไรไม่ทราบ ต้องทำวิจัยต่อไป และยังกล่าวอีกว่า ค่าการตรวจวัดฝุ่นทุกสถานีของกรมควบคุมมลพิษ และกรุงเทพมหานครค่าทุกสถานีสูงหมด แต่ไม่สูงถึงขั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพ คนที่ไอ ที่ป่วย ไม่ได้เกี่ยวกับฝุ่น ดราม่ากันไปเองนั้น
คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และภูมิรู้ของคนระดับอธิบดีได้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านเหมาะที่จะทำหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมากกว่าที่จะมาทำหน้าที่เป็นอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพราะกรณีฝุ่นควันพิษ PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก หากแต่เกิดขึ้นซ้ำมาทุกปี แต่กรมควบคุมมลพิษยังคลานเตอะแตะในการเตรียมการและการป้องกันปัญหาในการเสนอมาตรการต่อผู้บังคับบัญชาที่รวดเร็ว ฉับไวและประสานการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพราะปัญหาฝุ่นควันพิษส่วนใหญ่มาจากการเผาอ้อย เผาพืชผลทางการเกษตร แต่คนระดับอธิบดียังคงติดหล่มความคิดอยู่ที่ยานยนต์และรถบรรทุกเป็นหลัก จึงมีข้อเสนอที่เบาหวิวตลอดมา ถ้าฝุ่นยังไม่อันตราย ทำไมกรุงเทพมหานครจึงต้องสั่งปิดโรงเรียน 437 โรงเสียล่ะ
ด้วยเหตุดังกล่าว ถึงเวลาแล้วที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรที่จะต้องเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเสียโดยเร็ว โดยเสนอไปยังท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเสีย แล้วนำคนที่มีวิสัยทัศน์และทำงานรวดเร็วมาแก้ไขปัญหาฝุ่นควันพิษที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในขณะนี้โดยเร็ว จึงจะได้เสียงชมจากประชาชนได้