เว็บไซต์สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องที่นายวัฒนา อัศวเหม จำเลยหลบหนีคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การพิจารณาพิพากษาคดีอาญาขององค์คณะผู้พิพากษา และคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีหมายเลขดำที่ อม.2/2550 และหมายเลขแดงที่ อม.2/2551 ที่ระบุว่านายวัฒนา ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (ในขณะนั้น) ใช้อำนาจในตำแหน่งกระทำการข่มขืนใจ หรือจูงใจให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง เจ้าพนักงานที่ดิน จ.สมุทรปราการ สาขาบางพลี ออกโฉนดที่ดินพิพาทให้แก่ตนเอง ในนามของบริษัท ปาล์มบีช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยมิชอบ และพิพากษาให้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 ลงโทษจำคุก 10 ปี ริบพระเครื่องผงสุพรรณเลี่ยมทอง 1 องค์ เป็นการพิจารณาพิพากษาคดีที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 185 มาตรา 197 และขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 188 วรรค 2
ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องเป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยการพิจารณาคดีและคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จึงเป็นกรณีที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาถึงที่สุด ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรค 3 บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย นายวัฒนา จึงไม่อาจยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้