นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมฯ จะเริ่มเก็บภาษีเครื่องดื่มเบียร์แอลกอฮอล์ 0% หรือเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในปี 2563 โดยขณะนี้ได้จัดทำพิกัดภาษีและอัตราภาษีไว้หมดแล้ว และจะต้องเก็บภาษีสูงกว่าภาษีเครื่องดื่มปัจจุบันที่ 17% แต่จะไม่สูงเท่ากับภาษีเบียร์ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก่อนประกาศเป็นกฎกระทรวง บังคับใช้
นอกจากการเก็บเบียร์ไร้แอลกอฮอล์แล้ว กรมฯ จะขยายฐานการเก็บภาษีไปยังผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น เบียร์อัดเม็ด ที่ยังไม่เคยมีพิกัดภาษีมาก่อน
ทั้งนี้ สาเหตุที่กรมสรรพสามิตต้องเก็บภาษีเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ เพราะไม่ต้องการให้มีนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งยอมรับว่าจากการสอบถามและหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข พบว่าเบียร์ 0% ในมุมมองของผู้บริโภค จัดว่าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทหนึ่ง แต่ยังไม่มีพิกัดภาษี จึงต้องเข้าไปจัดเก็บให้ถูกต้อง และยังพบว่ามีการแจกตัวอย่างทดลองให้ดื่มในสถานศึกษาด้วย ขณะที่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ปกติไม่สามารถทำได้ ทำให้ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะผู้ผลิตแจ้งว่าไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ปัญหาคือทั้งกรมสรรพสามิต และกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่สามารถให้คำจำกัดความของเบียร์ 0% ในการเข้าไปกำหนดอัตราภาษี หรือ ออกเกณฑ์ควบคุม เหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปกติได้ ทั้งที่ข้อเท็จจริงผู้บริโภคก็มองว่ามันคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งที่มีการทำตลาดเหมือนกับเบียร์ปกติ
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า แม้กรมฯ จะเก็บภาษีเบียร์ 0% เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อราคาขายปลีกถึงผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบัน เบียร์ 0% มีการวางขายในราคาเดียว หรือ ใกล้เคียงกับเบียร์ปกติ ทั้งๆ ที่เสียภาษีต่ำกว่า ทำให้มีกำไรมาก ดังนั้นถ้ามีการจัดเก็บภาษี จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องปรับราคาขายขึ้น