นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีใช้สถานะหรือตำแหน่งหน้าที่ ส.ส.ก้าวก่าย แทรกแซงการพิจารณาของกรมป่าไม้ เกี่ยวกับที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ จ.ราชบุรี เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวเป็นป่าชุมชนตามความต้องการของชาวบ้านในพื้นที่ที่มีการร้องเรียน
นายเรืองไกร เปิดเผยว่า กรมป่าไม้ได้ส่งเอกสารให้กับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ตนเองเป็นกรรมาธิการฯ อยู่ด้วย จากเอกสารดังกล่าวซึ่งเป็นรายงานการประชุมของกรมป่าไม้ พบว่านอกจากจะสรุปลำดับเหตุการณ์การจัดตั้งป่าชุมนุมหมู่ที่ 14 บ้านหนองน้ำใส ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่ชาวบ้านร้องเรียน น.ส.ปารีณา ขอให้ตรวจสอบที่ดินของนางสมพร ซึ่งถือหนังสือ นส.2 และ นส.3 เพราะต้องการให้ที่ดินดังกล่าวเป็นป่าชุมชน
นายเรืองไกร กล่าวว่า การประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น.ส.ปารีณา ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 โดยในรายงานการประชุมดังกล่าวระบุถ้อยคำของ น.ส.ปารีณา ที่แจ้งกับที่ประชุมว่าจะกำชับประสาน เร่งรัด การตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อจะให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชุมชนได้เร็วขึ้น จึงเห็นว่าถ้อยคำนี้เข้าข่ายว่า น.ส.ปารีณา ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ก้าวก่าย แทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น มีความผิดตามมาตรา 185 (1) จึงต้องมาร้องต่อ กกต. เพราะหาก กกต.เห็นว่าผิดจริง ต้องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ น.ส.ปารีณา สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (7 ) ประกอบมาตรา 82 วรรค 4
นายเรืองไกร กล่าวว่า การที่ น.ส.ปารีณา ดูแลช่วยเหลือประชาชนนั้นถูกต้องแล้ว แต่หมายถึงต้องตั้งกระทู้ญัตติในสภาผู้แทนราษฎร แต่การไปร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐแล้วใช้ถ้อยคำในลักษณะเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการนั้นไม่ถูกต้อง จึงต้องมาร้องต่อ กกต.ให้พิจารณา ซึ่งอาจต้องเรียกเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาให้ปากคำว่าการใช้ถ้อยคำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่