นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากข้อมูลโรงพยาบาลสงฆ์พบว่ามีพระสงฆ์ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพมีอาการอาพาธเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ หอบกำเริบในโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังและหอบหืด หลอดลมอักเสบติดเชื้อ และภาวะปอดอักเสบ ส่งผลให้พระสงฆ์อาพาธต้องนอนโรงพยาบาลมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว
ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สาเหตุส่วนใหญ่ของการหอบกำเริบในโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังและหอบหืด เนื่องจากการสูดควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ในช่วงบิณฑบาตตามท้องถนน ชุมชนตลาด และโรงงานต่างๆ ทุกวัน รวมถึงการนั่งยานพาหนะที่เปิดโล่ง นอกจากนี้ ยังพบว่าพระสงฆ์มีอาการหอบกำเริบหลังประกอบกิจสงฆ์ และงานต่างๆ ภายในวัด เช่น การจุดธูป การกวาดขยะมูลสัตว์ การเผาขยะมูลฝอย การเผาศพ การก่อสร้างในวัด และไม่ได้ใส่เครื่องป้องกัน ซึ่งโรงพยาบาลสงฆ์มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำทุกครั้ง รวมทั้งแจกหน้ากากอนามัย พร้อมแนะนำให้พระสงฆ์ที่บิณฑบาต รวมทั้งพุทธศาสนิกชนที่ตักบาตรตอนเช้า สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 และขอเชิญชวนประชาชนทำบุญด้วยการถวายหน้ากากอนามัยแด่พระสงฆ์