xs
xsm
sm
md
lg

"ศรีสุวรรณ"ร้อง กกต.เอาผิด"ธนาธร-อนค."จัดแฟลชม็อบ ชี้โทษถึงยุบพรรค

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อเวลา 10.30 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคฯ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคฯ เป็นแกนนำในการจัดชุมนุมบริเวณสกายวอล์ก หน้าหอศิลป์ฯ เมื่อเวลา 17.00-18.00 น. วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งอาจขัดต่อ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 และ ปอ.มาตรา 116

ทั้งนี้ การชุมนุมดังกล่าว มีการปราศรัยกล่าวโจมตีผู้นำประเทศอย่างเปิดเผย พร้อมนำตะโกนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี "ลาออก" ซึ่งปรากฏเป็นภาพข่าวและคลิปวิดีโอเผยแพร่เป็นการทั่วไปในสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย อันสะท้อนให้เห็นถึงวิถีทางของการใช้มวลชนกดดันรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงว่าสุานะของตนเองเป็น ส.ส. หรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่ง พ.ร.ป.พรรคการเมืองบัญญัติห้ามไว้

ทั้งนี้ การจัดชุมนุมดังกล่าว ไม่ได้มีการแจ้งให้หัวหน้าสถานีตํารวจ สน.ปทุมวัน ให้รับทราบตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 อีกทั้งสถานที่จัดชุมนุมอยู่ใกล้วังสระปทุม ซึ่งอยู่ในรัศมีไม่ถึง 150 เมตร จึงถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 7 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ที่สำคัญ การกระทำดังกล่าวอาจเป็นการขัดหรือฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 45 ที่บัญญัติห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองกระทําการหรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนฯ ซึ่งอาจมีความผิดตามมาตรา 92(3) ประกอบมาตรา 115 ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ กกต. มีอำนาจไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย หากพบว่าฝ่าฝืนให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นได้ และต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นร้องต่อ กกต. ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัยกรณีดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้บุคคลทั้ง 3 คน มิใช่ประชาชนทั่วไป หากแต่มีสถานะเป็นถึงหัวหน้าพรรคการเมืองและเป็นผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มีข้อห้ามไว้ การใช้สิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญได้ ก็จะต้องปฎิบัติตามกฎหมายด้วยจึงจะชอบ ไม่เช่นนั้นนักการเมือง พรรคการเมืองใด หากไม่พอใจรัฐบาล หรือแพ้เสียงในรัฐสภาก็อาจจะออกมาใช้วิธีการสร้างม็อบ ชักชวนมวลชนออกมาชุมนุมกันบนถนน ซึ่งเป็นวิธีการที่ขัดต่อกฎหมาย และเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อระบบการเมืองของไทย และจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศด้วย