นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ที่ก่อเหตุฆ่ารัดคอนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี ภายในบ้านพักที่ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งพบว่ามีประวัติก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องมาแล้ว 5 ครั้ง เมื่อปี 2548 และพ้นโทษไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ยืนยันว่า ทุกคดีอัยการสั่งฟ้องตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักของกฎหมาย หากผู้ต้องขังพ้นโทษและมาก่อคดีอีกครั้งภายใน 5 ปี ก็สามารถบรรยายฟ้องให้ศาลเพิ่มโทษได้ 1 ใน 3 แต่คดีที่ผ่านมาเกิดเหตุต่อเนื่องไล่เลี่ยกัน ทำให้อัยการไม่ต้องบรรยายฟ้องเพิ่ม เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ก็จะต้องนับโทษคดีต่อเนื่องกัน แต่คดีนี้ศาลพิพากษาประหารชีวิต และลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตทุกคดี และตามกฎหมายจำคุกได้ 50 ปี จึงไม่สามารถเพิ่มโทษไปมากกว่านี้ได้ แต่หากคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดถูกสั่งฟ้อง อัยการก็จะบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหาที่เคยกระทำไปในอดีต ถึงแม้ว่าจะรับสารภาพเพื่อประโยชน์ของการลดโทษ แต่อัยการจะแย้งถึงเหตุผลของประโยชน์ของคดีส่วนนี้ให้ศาลพิจารณาว่า ที่จำเลยรับสารภาพเพื่อหวังลดโทษ หรือรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน
ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาลดโทษในระหว่างถูกคุมขัง เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่จะพิจารณาว่าบุคคลใดเข้าเงื่อนไขบ้าง ทางสำนักงานอัยการสูงสุดไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงได้