xs
xsm
sm
md
lg

"ศรีสุวรรณ"ร่อนหนังสือถึงเลขาฯ ส.ป.ก.ค้านคำขอสงวนสิทธิแจกที่ดินคืน"ปารีณา"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าได้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมบริเวณหมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี และได้ยื่นชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) จำนวน 29 แปลง ซึ่งที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยประสงค์ขอส่งคืนพื้นที่ตาม ภ.บ.ท.5 เพื่อเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดย น.ส.ปารีณา และ/หรือบุคคลในครอบครอง ขอสงวนการใช้สิทธิเป็นอันดับแรกตามที่กฎหมายกำหนดนั้น

การขอสงวนสิทธิเป็นผู้รับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ดังกล่าวกลับคืนไปให้ น.ส.ปารีณา เป็นอันดับแรกนั้น เลขาธิการ ส.ป.ก.ไม่สามารถใช้อำนาจใดๆ ตามคำร้องขอดังกล่าวได้ เนื่องจาก น.ส.ปารีณา ไม่มีคุณสมบัติที่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ประกอบ พ.ร.ฎ.กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเป็นเกษตรกร พ.ศ. 2535 ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่จะได้รับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ได้จะต้องเป็นเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักเท่านั้น โดยจะต้องเป็นผู้ที่ยากจน หรือจบการศึกษาด้านเกษตรกรรม หรือเป็นบุตรของเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง แต่ประสงค์ที่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักเท่านั้น

ทั้งนี้ น.ส.ปารีณา มิได้เป็นผู้ที่ยากจนแต่อย่างใด โดยพิจารณาตามข้อมูลบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. ล่าสุดจะพบว่ามีรายได้จากเงินเดือนและค่าตอบแทน ส.ส. ถึงปีละ 1,362,720 บาท มีทรัพย์สินรวมแล้วกว่า 163 ล้านบาท และมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2555 ได้กำหนดอัตรารายได้ของผู้ยากจนไว้ คือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อคนต่อปีเท่านั้น นอกจากนั้น มิได้เป็นผู้ที่จบการศึกษาด้านเกษตรกรรม และบิดาก็เป็นนักการเมือง เป็น ส.ส.มาหลายสมัย ซึ่งมิได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักแต่อย่างใด แต่หากประสงค์จะได้ที่ดิน ส.ป.ก. อีก ต้องลาออกจาก ส.ส. มาเป็นเกษตรกรเต็มตัวเท่านั้น

ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ทำหนังสือส่งไปยังเลขาธิการ ส.ป.ก. เพื่อคัดค้านการขอสงวนการใช้สิทธิเป็นอันดับแรกของ น.ส.ปารีณา ดังกล่าวแล้ว และหากยังมีความพยายามที่จะฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อช่วยเหลือกันและกันโดยไม่ดูเจตนารมณ์ของกฎหมาย คนที่จะถูกสมาคมฯ ยื่นฟ้องเอาผิดเป็นคนแรก คือ เลขาธิการ ส.ป.ก.นั่นเอง