xs
xsm
sm
md
lg

"ปารีณา"ขอเลื่อนไต่สวนถูกร้องขัดข้อกำหนดศาลกรณีวิจารณ์คดีบ้านเอื้ออาทร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร นัดไต่สวนคำร้องที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำเลยที่ 1 คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ได้ขอให้ศาลเรียก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ผู้ถูกร้อง มาสอบถามและวินิจฉัยกรณีที่นายวัฒนา อ้างว่า น.ส.ปารีณา น่าจะกระทำการที่ขัดต่อคำสั่งศาล เกี่ยวกับข้อกำหนดที่วางไว้ในคดีบ้านเอื้ออาทร จากการที่มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ น.ส.ปารีณา เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา พาดพิงนายวัฒนา และการเบิกความในคดีบ้านเอื้ออาทร

โดยวันนี้ นายวัฒนา ผู้ร้อง เดินทางมาศาลพร้อมทีมทนายความ ขณะที่ น.ส.ปารีณา ผู้ถูกร้อง เดินทางมาพร้อมนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความที่เพิ่งแต่งตั้งเข้ามา น.ส.ปารีณา ได้แถลงขอศาลเลื่อนนัดไต่สวนออกไปก่อน เนื่องจากเพิ่งได้พบกับทนายความในวันนี้ ซึ่งศาลพิจารณาแล้ว ได้นัดไต่สวนคู่ความทั้งสองอีกครั้งในวันที่ 13 มกราคม 2563 เวลา 09.30 น.

นายสมชาติ กล่าวว่า วันนี้ฝ่าย น.ส.ปารีณา ได้ขอให้ศาลเลื่อนนัดออกไปก่อน เนื่องจากเพิ่งได้เจอกับตน ซึ่งเป็นทนายความ และตนยังไม่ทราบเกี่ยวกับเนื้อหาและรายละเอียดที่ น.ส.ปารีณา ถูกกล่าวหา ในส่วนของการต่อสู้คดีตนยังให้รายละเอียดไม่ได้ เพราะจะเป็นการลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับคดีจนเกินไป แต่ยอมรับว่าวันนี้ น.ส.ปารีณา ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาต่อศาล และวันที่ 13 มกราคม 2563 ที่ศาลนัดไต่สวน น.ส.ปารีณา ก็พร้อมจะให้การต่อศาล

ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาในศาล นายสมชาติ ทนายความของ น.ส.ปารีณา ได้เดินมาแจ้งกับสื่อมวลชนที่รอบันทึกภาพและสัมภาษณ์อยู่ด้านนอกศาล ว่า น.ส.ปารีณา ได้เดินทางกลับไปแล้ว ขอไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ

สำหรับคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร ก่อนหน้านี้ ระหว่างการไต่สวนพยานโจทก์ ศาลได้ออกข้อกำหนดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ว่า หลังจากที่มีการรายงานเกี่ยวกับคดีจนอาจกระทบการพิจารณาได้ องค์คณะฯ จึงได้ออกข้อกำหนดระหว่างการพิจารณา ห้ามไม่ให้ผู้ใดกระทำการ 1. ให้ข่าว รายงาน หรือย่อเรื่องกระบวนพิจารณาคดีอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง 2. ทำการวิภาค (ภาษาตามกฎหมาย) โดยไม่เป็นธรรมในการดำเนินคดีของคู่ความ หรือคำพยานหลักฐาน รวมทั้งการแถลงข้อความที่เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของคู่ความ พยาน 3. ชักจูงให้เกิดมีคำพยานเท็จ โดยการกระทำนั้นประสงค์จะให้มีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน หรือเหนือศาล คู่ความ พยานหลักฐาน ที่จะมีผลทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไป โดยการออกข้อกำหนดดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.แพ่ง) มาตรา 30, 32 และ 33