า
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ทำอย่างไรเราจึงก้าวข้ามทักษิณได้ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่าน "เสียงประชาชนในโลกโซเชียล" ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 1,850 ตัวอย่าง และ "เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม" จำนวน 1,189 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา พบว่า
เมื่อถามถึง นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อธุรกิจของครอบครัวตัวเอง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 46.0 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมา ร้อยละ 29.9 ระบุ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 13.9 ระบุ นายชวน หลีกภัย ร้อยละ 5.2 ระบุ นายบรรหาร ศิลปอาชา และร้อยละ 5.0 ระบุคนอื่นๆ เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และนายควง อภัยวงศ์ เป็นต้น
ที่น่าสนใจคือ ผลเปรียบเทียบภาพลักษณ์ที่ประชาชนจำได้ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับนายทักษิณ ชินวัตร พบหลายประเด็นที่น่าพิจารณา คือ ด้านความเรียบง่าย เป็นการเอง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 60.3 ในขณะที่นายทักษิณ ได้ร้อยละ 52.8 ด้านการเปิดงาน พิธีต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 77.2 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 50.8 ด้านยิ้มเก่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 38.0 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 47.4 ด้านมีคนรัก ขอถ่ายรูปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 28.9 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 36.9 ด้านลงพื้นที่ช่วยคนเดือดร้อน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 36.7 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 55.2
นอกจากนี้ ด้านมีผลงานยั่งยืน ผลสำรวจพบว่าสูสีกันมาก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 50.5 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 48.1 อย่างไรก็ตาม ด้านคดีความต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 21.2 ขณะที่นายทักษิณ ได้ร้อยละ 40.9
ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจเสียงประชาชนในโลกโซเชียล ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเข้าถึงคนทั้งหมดประมาณ 27,477,598 คน (ยี่สิบเจ็ดล้านคนเศษ) ซึ่งมากกว่าจำนวนคนที่นายทักษิณ กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียล จำนวน 7,843,158 คน (เจ็ดล้านกว่าคน)
อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณา คือ คนในโลกโซเชียลจากหลากหลายประเทศกำลังให้ความสำคัญกับบุคคลทั้งสอง พบว่ามีจำนวนคนจากประเทศต่างๆ ที่กำลังเกาะติด พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่านายทักษิณ แต่มีคำพูดที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของบุคคลทั้งสองแตกต่างกัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีคนพูดถึงตำแหน่ง อำนาจบริหาร เอาเรื่องเอาราว ลงโทษเอาผิดคนอื่น เปิดงานร่วมกิจพิธีการต่างๆ มากกว่า แต่ถ้าเป็นคำพูดที่พูดแล้วดูดี มีผลทางจิตใจให้เกิดความรัก ความศรัทธาของคนในโลกโซเชียลเพราะช่วยเหลือคน พบว่านายทักษิณ จะถูกพูดถึงมากกว่า
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นช่องทางอะไรบางอย่างว่า มีความเป็นไปได้ที่จะก้าวผ่านนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปได้อย่างดี ถ้าทุกฝ่ายช่วยกันบริหารจัดการอารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชน โดยข้อมูลชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่กับเรื่องของตำแหน่ง อำนาจ การเปิดงาน และพิธีการต่างๆ ที่เรื่องเหล่านี้ต้องทำให้เป็นช่องทางเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงมากกว่าเป็นเพียงพิธีกรรมที่ "วันเปิดคือวันปิด" และประชาชนจะไม่ได้อะไร ควรเกาะติดการพูดคุยของคนในโลกโซเชียลให้เป็นระบบเพื่องานความมั่นคง เพราะอาจเป็นหัวเชื้อจุดไฟลามไปถึงคนนอกโลกโซเชียลคล้ายๆ กับทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ กับคนต่างจังหวัด แต่จะเป็นคนในโลกโซเชียล กับคนในโลกดั้งเดิม จึงต้องป้องกันปัญหาดีกว่าตามแก้ปัญหา จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันทั้งประเทศ
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ทำอย่างไรเราจึงก้าวข้ามทักษิณได้ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่าน "เสียงประชาชนในโลกโซเชียล" ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 1,850 ตัวอย่าง และ "เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม" จำนวน 1,189 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา พบว่า
เมื่อถามถึง นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อธุรกิจของครอบครัวตัวเอง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 46.0 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมา ร้อยละ 29.9 ระบุ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 13.9 ระบุ นายชวน หลีกภัย ร้อยละ 5.2 ระบุ นายบรรหาร ศิลปอาชา และร้อยละ 5.0 ระบุคนอื่นๆ เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และนายควง อภัยวงศ์ เป็นต้น
ที่น่าสนใจคือ ผลเปรียบเทียบภาพลักษณ์ที่ประชาชนจำได้ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับนายทักษิณ ชินวัตร พบหลายประเด็นที่น่าพิจารณา คือ ด้านความเรียบง่าย เป็นการเอง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 60.3 ในขณะที่นายทักษิณ ได้ร้อยละ 52.8 ด้านการเปิดงาน พิธีต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 77.2 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 50.8 ด้านยิ้มเก่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 38.0 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 47.4 ด้านมีคนรัก ขอถ่ายรูปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 28.9 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 36.9 ด้านลงพื้นที่ช่วยคนเดือดร้อน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 36.7 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 55.2
นอกจากนี้ ด้านมีผลงานยั่งยืน ผลสำรวจพบว่าสูสีกันมาก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 50.5 นายทักษิณ ได้ร้อยละ 48.1 อย่างไรก็ตาม ด้านคดีความต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 21.2 ขณะที่นายทักษิณ ได้ร้อยละ 40.9
ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจเสียงประชาชนในโลกโซเชียล ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเข้าถึงคนทั้งหมดประมาณ 27,477,598 คน (ยี่สิบเจ็ดล้านคนเศษ) ซึ่งมากกว่าจำนวนคนที่นายทักษิณ กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียล จำนวน 7,843,158 คน (เจ็ดล้านกว่าคน)
อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณา คือ คนในโลกโซเชียลจากหลากหลายประเทศกำลังให้ความสำคัญกับบุคคลทั้งสอง พบว่ามีจำนวนคนจากประเทศต่างๆ ที่กำลังเกาะติด พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่านายทักษิณ แต่มีคำพูดที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของบุคคลทั้งสองแตกต่างกัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีคนพูดถึงตำแหน่ง อำนาจบริหาร เอาเรื่องเอาราว ลงโทษเอาผิดคนอื่น เปิดงานร่วมกิจพิธีการต่างๆ มากกว่า แต่ถ้าเป็นคำพูดที่พูดแล้วดูดี มีผลทางจิตใจให้เกิดความรัก ความศรัทธาของคนในโลกโซเชียลเพราะช่วยเหลือคน พบว่านายทักษิณ จะถูกพูดถึงมากกว่า
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นช่องทางอะไรบางอย่างว่า มีความเป็นไปได้ที่จะก้าวผ่านนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปได้อย่างดี ถ้าทุกฝ่ายช่วยกันบริหารจัดการอารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชน โดยข้อมูลชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่กับเรื่องของตำแหน่ง อำนาจ การเปิดงาน และพิธีการต่างๆ ที่เรื่องเหล่านี้ต้องทำให้เป็นช่องทางเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงมากกว่าเป็นเพียงพิธีกรรมที่ "วันเปิดคือวันปิด" และประชาชนจะไม่ได้อะไร ควรเกาะติดการพูดคุยของคนในโลกโซเชียลให้เป็นระบบเพื่องานความมั่นคง เพราะอาจเป็นหัวเชื้อจุดไฟลามไปถึงคนนอกโลกโซเชียลคล้ายๆ กับทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ กับคนต่างจังหวัด แต่จะเป็นคนในโลกโซเชียล กับคนในโลกดั้งเดิม จึงต้องป้องกันปัญหาดีกว่าตามแก้ปัญหา จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันทั้งประเทศ