พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงมาตรการการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากกรณีการบุกยิงป้อม ชรบ. ที่ตำบลลำพะยา จังหวัดยะลา ว่า การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่นั้น การพูดคุยเพื่อสร้างสันติสุขยังคงดำเนินการต่อไป แต่ทีมกำลังทหารที่เป็นการสั่งการอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยต้องใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งไม่ได้ใช้โดยฝ่ายมั่นคงเพียงฝ่ายเดียว แต่มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของบ้านเป็นหลัก เข้าไปร่วมดำเนินการด้วยทุกครั้งที่มีการใช้กฎหมายพิเศษเข้าปิดล้อม ตรวจค้น
เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่บ่งชี้ว่ากลุ่มคนร้ายยังไม่ละความพยายามในการก่อเหตุโดยไม่เลือกเป้าหมาย และยังคงย้อนแย้งกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ที่พยายามเรียกร้องให้รัฐยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษ โดยไม่เคยคำนึงถึงผลกระทบทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ จึงขอให้สังคมช่วยกันเรียกร้องและตรวจสอบพฤติกรรมขององค์กรเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะการแสดงตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ต่างจากอาชญากรที่กำลังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี ที่ผ่านมา
แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบรอยเลือด หมวก เป้ ปลอกกระสุน และดีเอ็นเอ คาดว่าจะรู้กลุ่มที่ก่อเหตุได้ในไม่ช้า ขณะนี้ต้องขอเวลาตรวจสอบปลอกกระสุน และหลักฐานต่าง ๆ 2 วัน ผู้ก่อเหตุเองก็โดนยิงได้รับบาดเจ็บ เพราะพบรอยเลือดกองใหญ่อยู่ที่เกิดเหตุด้วย ส่วนอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ก็ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุนำออกไปด้วยบางส่วน คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดิมๆ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ