วันนี้ (6 พ.ย.) เวลา 9.30 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ออกมาโชว์หนังสือคำสั่งแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ หลังแถลงออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาอยู่ในสถานะฝ่ายค้านอิสระ ต่อมาวันที่ 10 กันยายน พรรคประชาธรรมไทยได้แถลงออกจากพรรคร่วมรัฐบาลมาอยู่ในสถานะฝ่ายค้านอิสระเช่นกัน พรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคประชาธรรมไทย ซึ่งมี ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อจำนวนพรรคละ 1 เสียง จึงตัดสินใจมาทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านอิสระนั้น การกระทำดังกล่าว ไม่มีกฎหมายฉบับใดหรือกฎหมายรัฐธรรมนูญใดให้อำนาจไว้ หากแต่เป็นการขัดต่อ ม.106 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่าภายหลังที่คณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดินแล้ว พระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ นอกจากนั้นยังอาจเป็นการฝ่าฝืน พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ด้วย
ทั้งนี้ การที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ลงนามสถาปนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ และนายพิเชษฐ สถิรชวาล ลงนามยอมรับมาเป็นประธานที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านอิสระ จึงอาจขัดต่อ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.5 ม.160 ประกอบ ม.115 เพราะบุคคลทั้งสองได้ปฏิญาณตนว่าจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการไว้แล้ว การที่มากระทำการอันไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า สส. "ต้องยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาทั่วโลกมีแต่ผู้นำฝ่ายรัฐบาล กับผู้นำฝ่ายค้านเท่านั้น การแต่งตั้งตนเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระจึงไม่มีปรากฎในรัฐธรรมนูญและกฎหมายใดๆ จึงอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่อาจยอมรับได้ ทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความไปร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ใช้อำนาจดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อระงับและหยุดยั้งการกระทำดังกล่าวและลงโทษการกระทำที่อาจฝ่าฝืนเสีย
ทั้งนี้ การที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ลงนามสถาปนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ และนายพิเชษฐ สถิรชวาล ลงนามยอมรับมาเป็นประธานที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านอิสระ จึงอาจขัดต่อ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.5 ม.160 ประกอบ ม.115 เพราะบุคคลทั้งสองได้ปฏิญาณตนว่าจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการไว้แล้ว การที่มากระทำการอันไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า สส. "ต้องยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาทั่วโลกมีแต่ผู้นำฝ่ายรัฐบาล กับผู้นำฝ่ายค้านเท่านั้น การแต่งตั้งตนเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระจึงไม่มีปรากฎในรัฐธรรมนูญและกฎหมายใดๆ จึงอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่อาจยอมรับได้ ทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความไปร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ใช้อำนาจดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อระงับและหยุดยั้งการกระทำดังกล่าวและลงโทษการกระทำที่อาจฝ่าฝืนเสีย