นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อเสนอของโรงงานยาสูบที่จะให้แก้กฎกระทรวงกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต 2560 ว่าสามารถทำได้หรือไม่ หลังจากที่โรงงานยาสูบแจ้งว่าได้รับผลกระทบ ทำให้ยอดจำหน่ายบุหรี่ลดลงมาก
ขณะที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบประกาศเชิญชวนพนักงานและผู้บริหารโรงงานยาสูบทุกระดับชั้น ร่วมลงรายชื่อเพื่อให้สหภาพแรงงานฯ ยาสูบ ยื่นเรื่องเพื่อฟ้องศาลปกครอง ระหว่างวันที่ 20 - 24 พฤศจิกายนนี้ หลังประเมินว่าการประกาศใช้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบให้โรงงานยาสูบมียอดการจำหน่ายบุหรี่ลดลงจากปีงบประมาณ 2560 ถึงร้อยละ 41 จนทำให้คาดว่าในปี 2561 โรงงานยาสูบจะประสบภาวะขาดทุนมากถึง 1,575 ล้านบาท จากฐานภาษีที่จะจัดเก็บตาม พ.ร.บ.ใหม่ และภาษีอื่นๆ เช่น เงินบำรุงกองทุนฯ สสส. เงินบำรุงองค์กรกระจายเสียงฯ เงินบำรุงกองทุนพัฒนาการกีฬา รวมเป็นเงินไม่น้อยกว่า 4.33 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอขอให้เยียวยาด้วยการอนุโลมให้โรงงานยาสูบสามารถนำภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ภาษีตามร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ภาษี อบจ. และภาษีเงินได้จ่ายแทนผู้ประกอบการค้ายาสูบตามที่จ่ายจริง ให้มาบวกกลับในการคำนวณกำไรสุทธิของโรงงานยาสูบ เพื่อคำนวณโบนัสพนักงาน รวมทั้งจ่ายโบนัสพนักงานเต็มตามจำนวนที่คำนวณได้เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2561 - 2563 ซึ่งต้องมีมติคณะรัฐมนตรีรองรับเป็นการเฉพาะ
ที่สำคัญหากผลดำเนินงานของโรงงานยาสูบประสบภาวะขาดทุนจริง ทางสหภาพแรงงานฯ ยาสูบ ขอให้มีการหยุดย้ายโรงงานยาสูบและหยุดดำเนินการส่งมอบพื้นที่สวนเบญจกิตติ ไปจนกว่าโรงงานยาสูบจะมีภาวะปกติทางการเงิน และได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล
ขณะเดียวกัน สมาคมการค้าผู้ขายส่งยาสูบ ได้แจ้งนัดประชุมวิสามัญร้านขายส่งยาสูบทั่วประเทศ ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ เพื่อหาทางออกในการต่อสู้กับการใ ช้พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้
ขณะที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบประกาศเชิญชวนพนักงานและผู้บริหารโรงงานยาสูบทุกระดับชั้น ร่วมลงรายชื่อเพื่อให้สหภาพแรงงานฯ ยาสูบ ยื่นเรื่องเพื่อฟ้องศาลปกครอง ระหว่างวันที่ 20 - 24 พฤศจิกายนนี้ หลังประเมินว่าการประกาศใช้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบให้โรงงานยาสูบมียอดการจำหน่ายบุหรี่ลดลงจากปีงบประมาณ 2560 ถึงร้อยละ 41 จนทำให้คาดว่าในปี 2561 โรงงานยาสูบจะประสบภาวะขาดทุนมากถึง 1,575 ล้านบาท จากฐานภาษีที่จะจัดเก็บตาม พ.ร.บ.ใหม่ และภาษีอื่นๆ เช่น เงินบำรุงกองทุนฯ สสส. เงินบำรุงองค์กรกระจายเสียงฯ เงินบำรุงกองทุนพัฒนาการกีฬา รวมเป็นเงินไม่น้อยกว่า 4.33 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอขอให้เยียวยาด้วยการอนุโลมให้โรงงานยาสูบสามารถนำภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ภาษีตามร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ภาษี อบจ. และภาษีเงินได้จ่ายแทนผู้ประกอบการค้ายาสูบตามที่จ่ายจริง ให้มาบวกกลับในการคำนวณกำไรสุทธิของโรงงานยาสูบ เพื่อคำนวณโบนัสพนักงาน รวมทั้งจ่ายโบนัสพนักงานเต็มตามจำนวนที่คำนวณได้เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2561 - 2563 ซึ่งต้องมีมติคณะรัฐมนตรีรองรับเป็นการเฉพาะ
ที่สำคัญหากผลดำเนินงานของโรงงานยาสูบประสบภาวะขาดทุนจริง ทางสหภาพแรงงานฯ ยาสูบ ขอให้มีการหยุดย้ายโรงงานยาสูบและหยุดดำเนินการส่งมอบพื้นที่สวนเบญจกิตติ ไปจนกว่าโรงงานยาสูบจะมีภาวะปกติทางการเงิน และได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล
ขณะเดียวกัน สมาคมการค้าผู้ขายส่งยาสูบ ได้แจ้งนัดประชุมวิสามัญร้านขายส่งยาสูบทั่วประเทศ ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ เพื่อหาทางออกในการต่อสู้กับการใ ช้พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้