นายมงคล บางประภา เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าผู้บริหารองค์กรสื่อแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศพนักงานในสังกัด จนทำให้ต้องลาออกจากองค์กร และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง กระทบต่อปัญหาจริยธรรมและคุณธรรมอันเป็นพื้นฐานของวิชาชีพสื่อมวลชนโดยตรง และภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนนั้น
สมาคนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีความห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และได้หารือเบื้องต้นให้มีการตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเป็นข้อมูลพื้นฐานให้สมาคมนักข่าวพิจารณาดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามสื่อออนไลน์มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการอ้างถึงข้อความ หรือ "โพสต์" ของนายสุเมธ สมคะเน กรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และประธานสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทยนั้น นายสุเมธ ได้ชี้แจงว่า ข้อเขียนดังกล่าวเป็นข้อเขียนที่เกิดจากการศึกษารวบรวมข้อมูลปัญหาคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในหลายองค์กรสื่อ ของสหภาพแรงางนกลางสื่อมวลชนไทย ซึ่งมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ที่เคยเป็นผู้เสียหายหลายกรณี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 ไม่ใช่การนำเสนอเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ
ดังนั้น ก่อนที่ข้อเท็จจริงในกรณีนี้จะปรากฏโดยคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอวิงวอนให้เพื่อนสื่อมวลชนทุกแขนงระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย จนกว่าข้อเท็จจริงที่ชัดเจนจะปรากฏออกมา เนื่องจากข้อมูลที่นำมาพูดต่อๆ กันมา เริ่มขยายความจนเกินระดับและขอบเขตของปัญหาที่เกิดขึ้นจริงไปมาก และพบว่ามีการนำหลายกรณีมาพูดปะปนกันจนถูกเข้าใจไปว่าเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ สมาคมนักข่าวฯ กำลังทาบทามกรรมการทั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก กรรมการที่มาจากผู้บริหารองค์กรสื่อ และสื่อมวลชนที่ไม่มีส่วนได้เสียกับคู่กรณีในกรณีที่เกี่ยวพันกับองค์กรที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสมาคมนักข่าวฯ เพื่อให้เกิดความเป็นจริงและความเป็นธรรม อันเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้องมากที่สุด เพื่อให้คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวฯ พิจารณาดำเนินการในทางที่เหมาะสมต่อไป
สมาคนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีความห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และได้หารือเบื้องต้นให้มีการตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเป็นข้อมูลพื้นฐานให้สมาคมนักข่าวพิจารณาดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามสื่อออนไลน์มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการอ้างถึงข้อความ หรือ "โพสต์" ของนายสุเมธ สมคะเน กรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และประธานสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทยนั้น นายสุเมธ ได้ชี้แจงว่า ข้อเขียนดังกล่าวเป็นข้อเขียนที่เกิดจากการศึกษารวบรวมข้อมูลปัญหาคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในหลายองค์กรสื่อ ของสหภาพแรงางนกลางสื่อมวลชนไทย ซึ่งมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ที่เคยเป็นผู้เสียหายหลายกรณี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 ไม่ใช่การนำเสนอเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ
ดังนั้น ก่อนที่ข้อเท็จจริงในกรณีนี้จะปรากฏโดยคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอวิงวอนให้เพื่อนสื่อมวลชนทุกแขนงระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย จนกว่าข้อเท็จจริงที่ชัดเจนจะปรากฏออกมา เนื่องจากข้อมูลที่นำมาพูดต่อๆ กันมา เริ่มขยายความจนเกินระดับและขอบเขตของปัญหาที่เกิดขึ้นจริงไปมาก และพบว่ามีการนำหลายกรณีมาพูดปะปนกันจนถูกเข้าใจไปว่าเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ สมาคมนักข่าวฯ กำลังทาบทามกรรมการทั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก กรรมการที่มาจากผู้บริหารองค์กรสื่อ และสื่อมวลชนที่ไม่มีส่วนได้เสียกับคู่กรณีในกรณีที่เกี่ยวพันกับองค์กรที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสมาคมนักข่าวฯ เพื่อให้เกิดความเป็นจริงและความเป็นธรรม อันเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้องมากที่สุด เพื่อให้คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวฯ พิจารณาดำเนินการในทางที่เหมาะสมต่อไป