แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกแถลงการณ์ต่อกรณีการนัดฟังคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าว ฉบับที่ 1 ระบุว่า จากการที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ติดตามสถานการณ์ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำหนดวันฟังคำพิพากษาคดีอันสืบเนื่องจากการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด พบว่ามีสาระสำคัญบางประการที่ควรทำความเข้าใจกับคณะผู้มีอำนาจ รวมทั้งประชาชนทั่วไป เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทั้งก่อนและหลังมีคำพิพากษา ดังนี้
1. ขอเรียกร้องต่อทุกฝ่ายให้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ซึ่งพระราชทานแนวทางไว้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เรื่องความยุติธรม เพื่อความสงบสุข และสามัคคีปรองดองของคนในชาติ
2. นปช. ขอยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนไหวจัดตั้งมวลชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้เดินทางมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันพิพากษาคดี แต่เห็นว่าเเป็นสิทธิโดยชอบของประชาชนที่จะมาร่วมเป็นกำลังใจแก่อดีตนายกรัฐมนตรีโดยสงบภายใต้กรอบกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจยุติการสกัดกั้นหรือคุกคามทุกรูปแบบ เสมือนหนึ่งบ้านเมืองกำลังเผชิญภาวะวิกฤติโดยทันที และให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานปฏิบัติภารกิจด้วยสำนึกแห่งข้าราชการผู้ยังชีพด้วยภาษีอากรของประชาชน
3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินการหลังมีคำพิพากษาให้ชัดเจนก่อนถึงวันที่ 25 สิงหาคม เช่น ถ้ายกฟ้องจะเป็นอย่างไร หรือ ถ้าพิพากษาลงโทษจะมีแนวปฏิบัติเช่นกร ทั้งในแง่มุมของฝ่ายรัฐและฝ่ายจำเลย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันของประชาชน ป้องกันความสับสนจากข่าวลือ ข่าวลวง หรือการเข้าใจผิดคิดไปเองของทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งยากต่อการควบคุมสถานการณ์
4. นปช. ยึดหลักสันติวิธีในการต่อสู้ และเคารพในคำพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรม แม้จะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มิได้กระทำความผิด และรับทราบข้อเท็จจริงว่ากระบวนการก่อนถึงขั้นศาลในคดีนี้มีปัญหาเรื่องหลักนิติธรรม แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล นปช. ไม่มีแนวทางการเคลื่อนไหวให้กระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งกระบวนการยุติธรรม และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ด้วยศรัทธาและเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
1. ขอเรียกร้องต่อทุกฝ่ายให้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ซึ่งพระราชทานแนวทางไว้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เรื่องความยุติธรม เพื่อความสงบสุข และสามัคคีปรองดองของคนในชาติ
2. นปช. ขอยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนไหวจัดตั้งมวลชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้เดินทางมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันพิพากษาคดี แต่เห็นว่าเเป็นสิทธิโดยชอบของประชาชนที่จะมาร่วมเป็นกำลังใจแก่อดีตนายกรัฐมนตรีโดยสงบภายใต้กรอบกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจยุติการสกัดกั้นหรือคุกคามทุกรูปแบบ เสมือนหนึ่งบ้านเมืองกำลังเผชิญภาวะวิกฤติโดยทันที และให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานปฏิบัติภารกิจด้วยสำนึกแห่งข้าราชการผู้ยังชีพด้วยภาษีอากรของประชาชน
3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรชี้แจงรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินการหลังมีคำพิพากษาให้ชัดเจนก่อนถึงวันที่ 25 สิงหาคม เช่น ถ้ายกฟ้องจะเป็นอย่างไร หรือ ถ้าพิพากษาลงโทษจะมีแนวปฏิบัติเช่นกร ทั้งในแง่มุมของฝ่ายรัฐและฝ่ายจำเลย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันของประชาชน ป้องกันความสับสนจากข่าวลือ ข่าวลวง หรือการเข้าใจผิดคิดไปเองของทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งยากต่อการควบคุมสถานการณ์
4. นปช. ยึดหลักสันติวิธีในการต่อสู้ และเคารพในคำพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรม แม้จะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มิได้กระทำความผิด และรับทราบข้อเท็จจริงว่ากระบวนการก่อนถึงขั้นศาลในคดีนี้มีปัญหาเรื่องหลักนิติธรรม แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล นปช. ไม่มีแนวทางการเคลื่อนไหวให้กระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งกระบวนการยุติธรรม และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ด้วยศรัทธาและเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)