พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ASEAN - India Expo and Forum ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน – อินเดีย ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรในไทย กับอีก 9 ชาติสมาชิกอาเซียน และอินเดีย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนและอินเดีย ถือเป็นส่วนหนึ่งในกลไกทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก ซึ่งหากสามารถทำงานกันได้อย่างประสานสอดคล้อง จะทำให้เกิดอำนาจการต่อรอง และเป็นตลาดใหญ่ที่มีพลังก่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนอย่างมหาศาล ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ การจะไปสู่ยุทธศาสตร์ของอาเซียนในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะปัจจุบันแต่ละชาติต่างมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และมีความพร้อมที่จะผลักดัน ให้แต่ละชาติสามารถปรับตัวเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจโลกได้อย่างกลมกลืน โดยในส่วนของประเทศไทยได้มีการพัฒนาตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้คนไทยมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าว่า ความเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนและอินเดียจะเป็นไปอย่างรอบด้าน เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดึงศักยภาพของทั้งอาเซียนและอินเดีย คือเสริมสร้างปัจจัยพื้นฐานสำคัญร่วมกันใน 5 ด้าน คือการพัฒนาภาครัฐดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวก และสนองต่อความต้องการ และลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของภาคธุรกิจ การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยการเร่งลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาส่งเสริมระบบนิเวศด้านนวัตกรรม รวมถึงการพัฒนาภาคการเกษตร ยกระดับคุณภาพกำลังคนเพื่อรองรับกับโอกาสและความท้าทายในโลกยุคใหม่ โดยเชื่อว่า ทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ จะเป็นกลไกเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างอาเซียนและอินเดียที่จะช่วยดึงศักยภาพของทั้ง 2 ฝ่าย ขณะเดียวกัน ยังต้องการให้การประชุมในครั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่าจะมีกิจกรรมร่วมกันอย่างไร ในโอกาสครบรอบ 25 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย ซึ่งจะต้องทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนและอินเดีย ถือเป็นส่วนหนึ่งในกลไกทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก ซึ่งหากสามารถทำงานกันได้อย่างประสานสอดคล้อง จะทำให้เกิดอำนาจการต่อรอง และเป็นตลาดใหญ่ที่มีพลังก่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนอย่างมหาศาล ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ การจะไปสู่ยุทธศาสตร์ของอาเซียนในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะปัจจุบันแต่ละชาติต่างมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และมีความพร้อมที่จะผลักดัน ให้แต่ละชาติสามารถปรับตัวเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจโลกได้อย่างกลมกลืน โดยในส่วนของประเทศไทยได้มีการพัฒนาตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้คนไทยมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าว่า ความเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนและอินเดียจะเป็นไปอย่างรอบด้าน เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดึงศักยภาพของทั้งอาเซียนและอินเดีย คือเสริมสร้างปัจจัยพื้นฐานสำคัญร่วมกันใน 5 ด้าน คือการพัฒนาภาครัฐดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวก และสนองต่อความต้องการ และลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของภาคธุรกิจ การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยการเร่งลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาส่งเสริมระบบนิเวศด้านนวัตกรรม รวมถึงการพัฒนาภาคการเกษตร ยกระดับคุณภาพกำลังคนเพื่อรองรับกับโอกาสและความท้าทายในโลกยุคใหม่ โดยเชื่อว่า ทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ จะเป็นกลไกเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างอาเซียนและอินเดียที่จะช่วยดึงศักยภาพของทั้ง 2 ฝ่าย ขณะเดียวกัน ยังต้องการให้การประชุมในครั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่าจะมีกิจกรรมร่วมกันอย่างไร ในโอกาสครบรอบ 25 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย ซึ่งจะต้องทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม