สำนักงาน ก.ล.ต. และหน่วยงานกำกับดูแลการสอบบัญชี สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย หารือแนวทางการยกระดับคุณภาพงานสอบบัญชีของตลาดทุนในภูมิภาคร่วมกันในการประชุมประจำปี ครั้งที่ 7 เกี่ยวกับพัฒนาการของกฎเกณฑ์ใหม่ที่ใช้พัฒนาคุณภาพรายงานทางการเงิน ผลการนำรายงานของผู้สอบบัญชีแบบใหม่มาใช้ และความท้าทายในการสอบบัญชีในเรื่องเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้จากการทำสัญญากับลูกค้า
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า สำนักงาน ก.ล.ต. และหน่วยงานกำกับดูแลการสอบบัญชีของสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย หารือแนวทางการยกระดับคุณภาพงานสอบบัญชีของตลาดทุนในภูมิภาคร่วมกันในการประชุมประจำปี ครั้งที่ 7 เกี่ยวกับพัฒนาการของกฎเกณฑ์ใหม่ที่ใช้พัฒนาคุณภาพรายงานทางการเงิน ผลการนำรายงานของผู้สอบบัญชีแบบใหม่มาใช้ และความท้าทายในการสอบบัญชีในเรื่องเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้จากการทำสัญญากับลูกค้า
โดย ก.ล.ต. ไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 100 ราย ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานกำกับดูแลการสอบบัญชี และสำนักงานสอบบัญชีขนาดใหญ่ของไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานกำกับดูแลการสอบบัญชีของประเทศในอาเซียน 6 ประเทศ ในปีนี้ยังได้ร่วมมือกับธนาคารโลกจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้แทนจากหน่วยงานกำกับดูแลการสอบบัญชีของประเทศในภูมิภาคอาเซียนอื่น ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการกำกับดูแลการสอบบัญชีอีกด้วย
ในการประชุมนี้ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย นำเสนอเกี่ยวกับพัฒนาการ และกฎเกณฑ์ใหม่ที่ใช้ในการพัฒนาคุณภาพรายงานทางการเงิน ซึ่งที่ประชุมสนับสนุนแนวทางของไทยที่มุ่งพัฒนาคุณสมบัติ CFO และสมุห์บัญชี เพราะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดทำงบการเงิน เพื่อให้สามารถปรับตัวตามให้ทันกับนวัตกรรมด้านการเงินที่เกิดขึ้นใหม่ และมาตรฐานการบัญชีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้รายงานทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนมีคุณภาพตั้งแต่ต้นทาง รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้สอบบัญชีสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมนำเสนอพัฒนาการที่สำคัญเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี อาทิ ผลการตอบรับของผู้ใช้งบการเงินในเชิงบวกเกี่ยวกับการนำรายงานของผู้สอบบัญชีแบบใหม่มาใช้ เนื่องจากรายงานแบบใหม่ให้ข้อมูลสำคัญที่ผู้สอบบัญชีได้หารือกับผู้บริหารของกิจการ และให้ข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์ในการประเมินความเสี่ยงของงบการเงิน ทำให้นักลงทุนมีข้อมูลในเชิงลึก เพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
โดยที่ประชุมยังหารือเกี่ยวกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่จะมีผลใช้บังคับในอนาคต เช่น มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะมีผลใช้บังคับในไทยในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดทำงบการเงินของสถาบันการเงินและธุรกิจที่ให้บริการสินเชื่อ เนื่องจากจะต้องประมาณการสำรองหนี้สูญโดยใช้ข้อมูลสถิติ และสมมติฐานต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อน จึงเป็นความท้าทายของผู้จัดทำงบการเงิน และผู้สอบบัญชี ทั้งในด้านการจัดเตรียมระบบบัญชี และฐานข้อมูล เพื่อรองรับการจัดทำประมาณการดังกล่าว รวมถึงการเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานดังกล่าวอย่างถ่องแท้
“การจัดประชุมหน่วยงานกำกับดูแลการสอบบัญชีในภูมิภาคร่วมกันทุกปี ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน และสามารถรวบรวมประเด็นปัญหาภายในภูมิภาค และสื่อสาร ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับสากลได้ โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับมาตรฐานของรายงานทางการเงินในภูมิภาคอาเซียนให้ทัดเทียมสากล จะปูทางไปสู่การระดมทุนแบบข้ามประเทศ ที่ข้อมูลทางการเงินของบริษัทในภูมิภาคสามารถเปรียบเทียบกันได้ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนทั่วโลกในการลงทุนในตลาดทุนอาเซียนได้อีกด้วย” นายรพี กล่าว