ปลื้ม“อีอีซี”เนื้อหอม สมคิดเผยนานาชาติสนใจร่วมลงทุน

นายกฯหวังอินเดียร่วมเจรจาบรรลุข้อตกลงอาเซ็ป พร้อมเสนอแผนพัฒนาอาเซียน-อินเดีย “นานาชาติ” เข้าคิวเยือนไทย ทั้ง “เบอร์ 1 เกาะฮ่องกง” พ่วง 2 รมต.สหรัฐ-ออสเตรเลีย “สมคิด” ปลื้มต่างชาติทยอยเดินทางเข้าหารือ เผยคุย รมต.จิงโจ้ ฟื้นความสัมพันธ์หลังไม่ได้คุยกันหลายปี ขอความร่วมมือการค้าลงทุน ชี้ต่างชาติมองเห็นว่าไทยเป็นจุดเชื่อมสำคัญในการเป็นศูนย์กลางการค้า-การลงทุน แถมสนใจร่วมลงทุนระเบียงอีอีซี

วานนี้ (3 ส.ค.) ที่ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ASEAN – India Expo and Forum ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ พร้อมผู้แทนจาก 9 ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งประเทศอินเดีย เข้าร่วมงาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศอินเดีย ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของเศรษฐกิจโลก หากทำงานร่วมกันกับอาเซียนจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ การรวมตัวกันทำให้เกิดประชาคมอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะดึงศักยภาพของแต่ละประเทศมาใช้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดตลาดและฐานการผลิตสำคัญของโลก โดยมีมูลค่าการค้าการลงทุนที่ 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นแหล่งลงทุนมีมูลค่า 120 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ในวาระครบรอบ 25 ปีระหว่างอาเซียนและอินเดีย ที่ควรจะเร่งรัดผลักดันเศรษฐกิจให้มากขึ้น และเป็นภูมิภาคที่เปิดรับโอกาสและความท้าทายกระแสโลกาภิวัตน์ ที่จะผลักดันได้ทุกคนปรับตัวเข้าสู่โลกในยุคอนาคตได้อย่างรวดเร็วและกลมลืน ในการประชุมครั้งนี้ ส่วนตัวอยากให้มีข้อสรุปว่าจะทำอย่างไรกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีความสัมพันธ์ อินเดีย-อาเซียน ก็คาดหวังว่าในเวทีหารือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาเซ็ป) จะได้รับความร่วมมือจากประเทศอินเดีย และจะลุล่วงไปได้ด้วยดี

วันเดียวกัน นางแคร์รี หล่ำ (Carrie Lam) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำหนดเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3- 5 ส.ค.60 ในฐานะแขกของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ไทยและฮ่องกง ภายหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.60 โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับโอกาส และลู่ทางการขยายความร่วมมือระหว่างกันโดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุน เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) Thailand 4.0 ดิจิทัล และการท่องเที่ยว รวมทั้งมีกำหนดพบภาคเอกชนเพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนสำหรับฮ่องกงในกลุ่มประเทศ CLMVT และการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตด้วย

จากนั้น นายสมคิดและคณะได้หารือกับ นางจูลี่ บิชอป รมว.ต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลีย ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย ก่อนเปิดเผยว่า ออสเตรเลียมีศักยภาพด้านเกษตรค่อนข้างมาก หากมาร่วมกับไทยพัฒนาด้านเทคโนโลยีการเกษตรจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายอย่างมาก จึงต้องเจรจาเพิ่มกับออสเตรเลียอีกหลายครั้งจากนี้ไป นอกจากนี้ ยังหารือเกี่ยวกับการรวมกลุ่มประเทศ TPP เพื่อให้ผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับประเทศด้อยพัฒนา กำลังพัฒนา รวมทั้งไทยสนใจเข้าร่วมในกลุ่มประเทศ RCEP เนื่องจากไทยเป็นข้อต่อสำคัญระหว่างกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิกกับประเทศแถบเอเชีย ต่างชาติจึงมองเห็นว่าไทยเป็นจุดเชื่อมสำคัญในการเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุน ช่วงนี้ต่างประเทศจึงทยอยเข้ามาหารือจำนวนมาก เพื่อต้องการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)

“ยอมรับว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาไทย-ออสเตรเลียไม่ได้หารือร่วมกันมากนัก จากนี้ไปออสเตรเลียต้องการหารือร่วมกับไทยทั้งด้านการค้าและการลงทุนมากขึ้น โดยพร้อมทบทวนเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย เพื่อลงรายละเอียดแต่ละสาขาเพิ่ม เช่น การพัฒนาด้านการศึกษา จึงเสนอให้รัฐบาลออสเตรเลียรื้อฟื้นการมอบทุนการศึกษา นักศึกษาไทยไปเรียนออสเตรเลีย เพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับไทยแลนด์ 4.0” นายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ นายสมคิด ยังเปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศ ของสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย และจะหารือภาพรวมทุกเรื่อง ทั้งการค้า การลงทุน ต่างประเทศ เศรษฐกิจ ความมั่นคง รวมถึงกรณีที่อเมริกาขาดดุลการค้ากับไทย ก่อนที่นายกรัฐมนตรีไทยจะไปเยือนสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการขาดดุลการค้าระหว่างกัน แต่ถือเป็นเรื่องเล็ก เพราะส่วนใหญ่น่าจะคุยภาพรวมมากกว่า.