นางสุรีรัตน์ ลัคนานิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ แถลงข่าวสรุปภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ ไตรมาสที่ 2 ปี 2560 โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วมรับฟังโดยพร้อมเพรียงกัน
นางสุรีรัตน์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยภาพรวมผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น ทั้งปาล์มน้ำมัน ยางพารา และกุ้ง ทำให้ราคาสินค้าเกษตรชะลอตัว ส่วนภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเล็กน้อย ตามความต้องการซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของด้านการท่องเที่ยวมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวจีนและมาเลเซีย ด้านอุปโภคบริโภคขยายตัวชะลอลงตามการชะลอตัวของยอดขายสินค้าในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ แม้การใช้จ่ายการลงทุนภาครัฐลดลง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนทรงตัว ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงจากไตรมาสก่อนตามราคาอาหารสดและน้ำมันเชื้อเพลิง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
ส่วนของแนวโน้มเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาสที่ 3 ปี 2560 คาดว่ายังคงขยายตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีน และการส่งออกสินค้าสำคัญ ยังคงมีอยู่ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การใช้จ่ายภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญจากการเร่งเบิกจ่ายก่อนสิ้นปีงบประมาณ ด้านปัจจัยเสี่ยงคงต้องมองความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจีนอีกด้วย
ขณะที่ในส่วนของสถิติการรับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านสายด่วน 1213 ภาคใต้ไตรมาส 2 มีสถิติการให้บริการ 2,013 รายการ แบ่งเป็นสอบถามข้อมูลปรึกษาร้อยละ 96.7 ร้องเรียนร้อยละ 1.4 และข้อเสนอแนะร้อยละ 1.9
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังมีส่วนในการดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน ทั้งการป้องกัน โดยส่งเสริมความรู้และวินัยทางการเงิน และเมื่อเริ่มเป็นหนี้ จะมีมาตรการดูแลสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล โดยการปรับลดวงเงินอนุมัติให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้และปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 18 ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป เฉพาะลูกค้ารายใหม่เท่านั้น สุดท้ายคือการแก้ปัญหาหนี้ ที่จะมีคลินิกแก้หนี้ มาช่วยดูแลปรับโครงสร้างหนี้ให้อยู่ในระดับที่ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการได้ เป็นการแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน
นางสุรีรัตน์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ขยายตัวจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยภาพรวมผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น ทั้งปาล์มน้ำมัน ยางพารา และกุ้ง ทำให้ราคาสินค้าเกษตรชะลอตัว ส่วนภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเล็กน้อย ตามความต้องการซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของด้านการท่องเที่ยวมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวจีนและมาเลเซีย ด้านอุปโภคบริโภคขยายตัวชะลอลงตามการชะลอตัวของยอดขายสินค้าในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ แม้การใช้จ่ายการลงทุนภาครัฐลดลง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนทรงตัว ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงจากไตรมาสก่อนตามราคาอาหารสดและน้ำมันเชื้อเพลิง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
ส่วนของแนวโน้มเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาสที่ 3 ปี 2560 คาดว่ายังคงขยายตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีน และการส่งออกสินค้าสำคัญ ยังคงมีอยู่ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การใช้จ่ายภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญจากการเร่งเบิกจ่ายก่อนสิ้นปีงบประมาณ ด้านปัจจัยเสี่ยงคงต้องมองความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจีนอีกด้วย
ขณะที่ในส่วนของสถิติการรับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านสายด่วน 1213 ภาคใต้ไตรมาส 2 มีสถิติการให้บริการ 2,013 รายการ แบ่งเป็นสอบถามข้อมูลปรึกษาร้อยละ 96.7 ร้องเรียนร้อยละ 1.4 และข้อเสนอแนะร้อยละ 1.9
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังมีส่วนในการดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน ทั้งการป้องกัน โดยส่งเสริมความรู้และวินัยทางการเงิน และเมื่อเริ่มเป็นหนี้ จะมีมาตรการดูแลสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล โดยการปรับลดวงเงินอนุมัติให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้และปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 18 ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป เฉพาะลูกค้ารายใหม่เท่านั้น สุดท้ายคือการแก้ปัญหาหนี้ ที่จะมีคลินิกแก้หนี้ มาช่วยดูแลปรับโครงสร้างหนี้ให้อยู่ในระดับที่ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการได้ เป็นการแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืน