วันนี้ (26 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 266 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นางอุไรวรรณ อัครภัฒน์ วัย 76 ปี ได้เดินทางจากบ้านพักย่านลาดพร้าวมาเพียงลำพัง ได้กล่าวภายหลังที่สักการะพระบรมศพ ว่า มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว และตั้งใจจะมาอีกเรื่อยๆจนถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทุกครั้งที่ได้ขึ้นมากราบพระบรมศพ ล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกสบายใจ ตื้นตันใจ แต่ขณะเดียวกันก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ด้วยเพราะที่ผ่านมาพระองค์ทรงเป็นพระราชาผู้เปี่ยมล้นด้วนพระเมตตา เวลาที่ท่านเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมเยือนประชาชนในถิ่นทุรกันดาร ก็มิเคยถือพระองค์ หากแต่ประทับกับพื้นดิน และทรงไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบของประชาชนอย่างมิถือพระองค์ หรือทุกถิ่นที่ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินไป ก็ล้วนเต็มไปด้วยความเจริญ เคยกลับไปเล่าถึงพระราชกรณียกิจการทรงงานของพระองค์ให้คนที่บ้านเกิดจังหวัดยโสธรฟัง พวกเขาต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เพราะถึงแม้จะเป็นถึงพระราชาสามารถที่จะเลือกมีชีวิตที่สุขสบายในพระราชวังอันใหญ่โต แต่พระองค์กลับทรงเลือกที่จะลำบากพระวรกาย เพื่อความอยู่ดีกินของประชาชน
ด้าน น.ส.มณีรัตน์ อินอ่อน อายุ 48 ปี ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมด้วยมารดา นางวารินทร์ อินอ่อน อายุ 80 ปี กล่าวภายหลังได้เป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งรวมมากับคณะนางจุฑามาศ ชูปัญญาว่า รู้สึกปลาบปลื้มปีติทุกครั้งที่ได้มากราบพระบรมศพ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ที่มาในฐานะภาพ ความประทับใจที่มีแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 นั้น ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้หมด พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ และมีพระราชอัจฉริยภาพรอบด้าน โดยเฉพาะความเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อส่วนร่วม และทรงมีความวิริยะอุตสาหะทรงงานหนักเพื่อความผาสุกของคนไทย ซึ่งหลักการทรงงานของพระองค์นั้น ตัวเองได้ยึดเป็นต้นแบบในการทำงานด้วย
ด้าน นางวารินทร์ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า เคยเฝ้าฯ รับเสด็จเพียงครั้งเดียวในชีวิต คือสมัยที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงผนวช จำได้ว่าวันนั้นได้ซื้ออาหารน้ำดื่มเตรียมจะใส่บาตร เมื่อเดินทางถึงวัดบวรนิเวศวิหารก็รีบไปจับจองพื้นที่ด้านหน้าๆ ซึ่งวันนั้นมีประชาชนแห่แหนกันมาอย่างเนืองแน่น เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระดำเนินมาตามทางลาดพระบาท รู้สึกปีติตื้นตันใจที่ได้ชื่นชมพระบารมีจนกระทั่งลืมใส่บาตรตามที่ตั้งใจไว้
นางอุไรวรรณ อัครภัฒน์ วัย 76 ปี ได้เดินทางจากบ้านพักย่านลาดพร้าวมาเพียงลำพัง ได้กล่าวภายหลังที่สักการะพระบรมศพ ว่า มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว และตั้งใจจะมาอีกเรื่อยๆจนถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทุกครั้งที่ได้ขึ้นมากราบพระบรมศพ ล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกสบายใจ ตื้นตันใจ แต่ขณะเดียวกันก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ด้วยเพราะที่ผ่านมาพระองค์ทรงเป็นพระราชาผู้เปี่ยมล้นด้วนพระเมตตา เวลาที่ท่านเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมเยือนประชาชนในถิ่นทุรกันดาร ก็มิเคยถือพระองค์ หากแต่ประทับกับพื้นดิน และทรงไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบของประชาชนอย่างมิถือพระองค์ หรือทุกถิ่นที่ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินไป ก็ล้วนเต็มไปด้วยความเจริญ เคยกลับไปเล่าถึงพระราชกรณียกิจการทรงงานของพระองค์ให้คนที่บ้านเกิดจังหวัดยโสธรฟัง พวกเขาต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เพราะถึงแม้จะเป็นถึงพระราชาสามารถที่จะเลือกมีชีวิตที่สุขสบายในพระราชวังอันใหญ่โต แต่พระองค์กลับทรงเลือกที่จะลำบากพระวรกาย เพื่อความอยู่ดีกินของประชาชน
ด้าน น.ส.มณีรัตน์ อินอ่อน อายุ 48 ปี ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมด้วยมารดา นางวารินทร์ อินอ่อน อายุ 80 ปี กล่าวภายหลังได้เป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งรวมมากับคณะนางจุฑามาศ ชูปัญญาว่า รู้สึกปลาบปลื้มปีติทุกครั้งที่ได้มากราบพระบรมศพ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ที่มาในฐานะภาพ ความประทับใจที่มีแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 นั้น ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้หมด พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ และมีพระราชอัจฉริยภาพรอบด้าน โดยเฉพาะความเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อส่วนร่วม และทรงมีความวิริยะอุตสาหะทรงงานหนักเพื่อความผาสุกของคนไทย ซึ่งหลักการทรงงานของพระองค์นั้น ตัวเองได้ยึดเป็นต้นแบบในการทำงานด้วย
ด้าน นางวารินทร์ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า เคยเฝ้าฯ รับเสด็จเพียงครั้งเดียวในชีวิต คือสมัยที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงผนวช จำได้ว่าวันนั้นได้ซื้ออาหารน้ำดื่มเตรียมจะใส่บาตร เมื่อเดินทางถึงวัดบวรนิเวศวิหารก็รีบไปจับจองพื้นที่ด้านหน้าๆ ซึ่งวันนั้นมีประชาชนแห่แหนกันมาอย่างเนืองแน่น เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระดำเนินมาตามทางลาดพระบาท รู้สึกปีติตื้นตันใจที่ได้ชื่นชมพระบารมีจนกระทั่งลืมใส่บาตรตามที่ตั้งใจไว้