วันนี้ (12 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 252 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.30 น. กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ได้พาคณะสาวงามผู้ประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 จำนวน 40 คน เดินทางมาสักการะพระบรมศพ พร้อมทัศนศึกษาชมความงดงามของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
โดย น.ส.พิชชาพร เพชรแก้ว หรือ ปิ๊ง ผู้เข้าประกวดหมายเลข 29 เปิดเผยว่า วันนี้รู้สึกดีใจมากที่วันนี้มีโอกาสได้เดินทางมาทัศนศึกษาบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ที่สำคัญที่สุดคือได้มากราบสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 รู้สึกประทับใจมาก ส่วนตัวซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างมาก ติดตามพระราชกรณียกิจมาโดยตลอด ที่ประทับใจที่สุดคือโครงการฝนหลวง อันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระองค์ทรงคิดค้น เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรเกษตรกรให้มีน้ำไว้ใช้เพาะปลูกตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้มากราบพระบรมศพ แต่คิดว่าหลังจากนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่มากราบพระบรมศพอีก ตอนนี้พยายามน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อดออม และรู้จักให้ผู้อื่นมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วน น.ส.มารีญา พูนเลิศลาภ เปิดเผยว่า เพิ่งจะมีโอกาสได้มากราบพระองค์ท่านเป็นครั้งแรก รู้สึกตื้นตันใจและปลื้มใจมาก แต่กระนั้นที่ผ่านมาก็ติดตามการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาโดยตลอด ที่ประทับใจมากที่สุดคือเรื่องเทคโนโลยี ที่พระองค์ทรงคิดค้นขึ้นมาเอง เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวนาในการบริหารจัดการน้ำ และกังหันชัยพัฒนา ทุกครั้งที่เจอเพื่อนต่างชาติจะเล่าเรื่องราวของพระองค์ให้ฟังเสมอว่านี่คือ พระมหากษัตริย์ของตัวเอง และของคนไทยทั้งประเทศ
นอกจากนี้ พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ซึ่งในชีวิตนของตัวเองนั้นไม่เฉพาะเพียงแค่การใช้เงิน แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิตและความคิด ทุกอย่างสามารถทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ด้าน น.ส.นีรนารถ โรจน์รัตน์พล อาจารย์จากโรงเรียนวิสุทธรังษี จ.กาญจนบุรี ได้นำคณะครูและนักเรียนกว่า 1,000 คน เดินทางมาจาก จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่ 06.00 น.ของวันนี้ เพื่อมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้กล่าวภายหลังที่กราบสักการะพระบรมศพ ว่า โดยส่วนตัวครั้งนี้เป็นการมาครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งครั้งแรกที่มาในช่วง 100 วันแรกของการเสด็จสวรรคต ใช้เวลานานกว่า 14 ชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้นกราบพระบรมศพ แต่ครั้งนี้ถือว่าใช้เวลาไม่นานมากเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่ได้กราบพระบรมศพนั้นล้วนเต็มไปด้วยความตื้นตันใจน้ำตาไหลออกมาทุกครั้ง เพราะที่ผ่านมาพระองค์ท่านทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างหนักในการทรงงานเพื่อประชาชน และทรงวางพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีให้คนไทยได้เดินตามรอยพระองค์ท่าน ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสั่งสอนนักเรียนและดำเนินชีวิตประจำวัน
โดย น.ส.พิชชาพร เพชรแก้ว หรือ ปิ๊ง ผู้เข้าประกวดหมายเลข 29 เปิดเผยว่า วันนี้รู้สึกดีใจมากที่วันนี้มีโอกาสได้เดินทางมาทัศนศึกษาบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ที่สำคัญที่สุดคือได้มากราบสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 รู้สึกประทับใจมาก ส่วนตัวซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างมาก ติดตามพระราชกรณียกิจมาโดยตลอด ที่ประทับใจที่สุดคือโครงการฝนหลวง อันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระองค์ทรงคิดค้น เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรเกษตรกรให้มีน้ำไว้ใช้เพาะปลูกตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้มากราบพระบรมศพ แต่คิดว่าหลังจากนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่มากราบพระบรมศพอีก ตอนนี้พยายามน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อดออม และรู้จักให้ผู้อื่นมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ส่วน น.ส.มารีญา พูนเลิศลาภ เปิดเผยว่า เพิ่งจะมีโอกาสได้มากราบพระองค์ท่านเป็นครั้งแรก รู้สึกตื้นตันใจและปลื้มใจมาก แต่กระนั้นที่ผ่านมาก็ติดตามการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาโดยตลอด ที่ประทับใจมากที่สุดคือเรื่องเทคโนโลยี ที่พระองค์ทรงคิดค้นขึ้นมาเอง เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวนาในการบริหารจัดการน้ำ และกังหันชัยพัฒนา ทุกครั้งที่เจอเพื่อนต่างชาติจะเล่าเรื่องราวของพระองค์ให้ฟังเสมอว่านี่คือ พระมหากษัตริย์ของตัวเอง และของคนไทยทั้งประเทศ
นอกจากนี้ พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ซึ่งในชีวิตนของตัวเองนั้นไม่เฉพาะเพียงแค่การใช้เงิน แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิตและความคิด ทุกอย่างสามารถทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ด้าน น.ส.นีรนารถ โรจน์รัตน์พล อาจารย์จากโรงเรียนวิสุทธรังษี จ.กาญจนบุรี ได้นำคณะครูและนักเรียนกว่า 1,000 คน เดินทางมาจาก จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่ 06.00 น.ของวันนี้ เพื่อมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้กล่าวภายหลังที่กราบสักการะพระบรมศพ ว่า โดยส่วนตัวครั้งนี้เป็นการมาครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งครั้งแรกที่มาในช่วง 100 วันแรกของการเสด็จสวรรคต ใช้เวลานานกว่า 14 ชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้นกราบพระบรมศพ แต่ครั้งนี้ถือว่าใช้เวลาไม่นานมากเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่ได้กราบพระบรมศพนั้นล้วนเต็มไปด้วยความตื้นตันใจน้ำตาไหลออกมาทุกครั้ง เพราะที่ผ่านมาพระองค์ท่านทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างหนักในการทรงงานเพื่อประชาชน และทรงวางพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีให้คนไทยได้เดินตามรอยพระองค์ท่าน ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสั่งสอนนักเรียนและดำเนินชีวิตประจำวัน