พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ชี้แจงถึงแนวทางการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยการจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายาง ที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะร่วมกับผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของประเทศ 5 บริษัท ลงทุนร่วมกัน องค์กรละ 200 ล้านบาท เข้าซื้อยางในตลาด ถือเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการที่จะช่วยให้ราคายางกลับสู่ดุลยภาพได้เร็วขึ้น และส่งผลดีต่อราคายางในอนาคต
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาระยะยาว คือ การเพิ่มปริมาณการใช้ในประเทศ ด้วยการแปรรูป การเพิ่มมูลค่า โดยมีเป้าหมายเพิ่มอัตราการใช้งานร้อยละ 10 ต่อเนื่องทุกปี พร้อมกับสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่น เนื่องจากในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ยางพาราของเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จะออกสู่ตลาด ซึ่งมีผลต่อราคายางพารา
สำหรับการสนับสนุนให้ใช้ยางในประเทศเพิ่มขึ้นนั้น รัฐบาลรับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า จากนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560 มีหน่วยงานของรัฐ 9 แห่ง ยื่นความจำนงที่จะใช้ยางพารา ประกอบด้วย ปริมาณน้ำยางข้น กว่า 22,321 ตัน และยางแห้ง กว่า 2,952 ตัน คิดเป็นงบประมาณกว่า 16,925 ล้านบาท
ด้านความเคลื่อนไหวราคายางที่ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ราคายางแผ่นดิบ อยู่ที่ 50 บาท 59 สตางค์ต่อกิโลกรัม ยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 อยู่ที่ 52 บาท 81 สตางค์ต่อกิโลกรัม ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งราคายางแผ่นดิบ อยู่ที่ 54 บาท 29 สตางค์ต่อกิโลกรัม ยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 อยู่ที่ 56 บาท 99 สตางค์ต่อกิโลกรัม หรือลดลงเฉลี่ย ประมาณ ร้อยละ 7
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาระยะยาว คือ การเพิ่มปริมาณการใช้ในประเทศ ด้วยการแปรรูป การเพิ่มมูลค่า โดยมีเป้าหมายเพิ่มอัตราการใช้งานร้อยละ 10 ต่อเนื่องทุกปี พร้อมกับสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่น เนื่องจากในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ยางพาราของเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จะออกสู่ตลาด ซึ่งมีผลต่อราคายางพารา
สำหรับการสนับสนุนให้ใช้ยางในประเทศเพิ่มขึ้นนั้น รัฐบาลรับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า จากนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560 มีหน่วยงานของรัฐ 9 แห่ง ยื่นความจำนงที่จะใช้ยางพารา ประกอบด้วย ปริมาณน้ำยางข้น กว่า 22,321 ตัน และยางแห้ง กว่า 2,952 ตัน คิดเป็นงบประมาณกว่า 16,925 ล้านบาท
ด้านความเคลื่อนไหวราคายางที่ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ราคายางแผ่นดิบ อยู่ที่ 50 บาท 59 สตางค์ต่อกิโลกรัม ยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 อยู่ที่ 52 บาท 81 สตางค์ต่อกิโลกรัม ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งราคายางแผ่นดิบ อยู่ที่ 54 บาท 29 สตางค์ต่อกิโลกรัม ยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 อยู่ที่ 56 บาท 99 สตางค์ต่อกิโลกรัม หรือลดลงเฉลี่ย ประมาณ ร้อยละ 7