กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 16 กันยายนนี้ มีการปรับเพดานภาษีสุรา เบียร์ และไวน์ เพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะรองรับใน 20 ปีข้างหน้า ซึ่งการเพิ่มเพดานภาษีสุรา เบียร์ ไวน์ จะเพิ่มภาระภาษีตามปริมาณแรงแอลกอฮอล์ให้สูงขึ้นกว่าภาระภาษีตามมูลค่า และเปลี่ยนฐานภาษีตามมูลค่าจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเป็นราคาขายปลีก เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมในการเก็บภาษี
ทั้งนี้ สุราที่มีราคาถูกและมีแรงแอลกอฮอล์ในระดับที่สูงจะต้องมีภาระภาษีที่สูงขึ้น และสุราที่มีราคาสูงจะต้องมีภาระภาษีตามมูลค่าเพื่อสะท้อนถึงความฟุ่มเฟือยควบคู่ไปด้วย เช่น สุราแช่ประเภทเบียร์และไวน์ จะมีการปรับอัตราภาษีตามปริมาณเพิ่มขึ้น จาก 300 บาท และ 2,000 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เป็น 3,000 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ของสุราแช่ทุกประเภท
นอกจากนี้ ได้ปรับอัตราภาษีตามมูลค่าลงจากเดิม คือ สุราแช่มีอัตราภาษีตามมูลค่าที่ร้อยละ 60 และอัตราภาษีตามมูลค่าของสุรากลั่นที่ ร้อยละ 50 ปรับเป็นอัตราภาษีตามมูลค่าใหม่ของสุราแช่และสุรากลั่นในอัตรา ร้อยละ 30 และสุรากลั่นมีอัตราภาษีตามปริมาณที่ 400 บาท ปรับใหม่เป็น 1,000 บาท/ลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์
อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มเพดานภาษีไม่กระทบกับกิจการสถานบันเทิงและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพราะอัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริงจะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง โดยยึดหลักไม่ทำให้ภาระประชาชนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สุราที่มีราคาถูกและมีแรงแอลกอฮอล์ในระดับที่สูงจะต้องมีภาระภาษีที่สูงขึ้น และสุราที่มีราคาสูงจะต้องมีภาระภาษีตามมูลค่าเพื่อสะท้อนถึงความฟุ่มเฟือยควบคู่ไปด้วย เช่น สุราแช่ประเภทเบียร์และไวน์ จะมีการปรับอัตราภาษีตามปริมาณเพิ่มขึ้น จาก 300 บาท และ 2,000 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เป็น 3,000 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ของสุราแช่ทุกประเภท
นอกจากนี้ ได้ปรับอัตราภาษีตามมูลค่าลงจากเดิม คือ สุราแช่มีอัตราภาษีตามมูลค่าที่ร้อยละ 60 และอัตราภาษีตามมูลค่าของสุรากลั่นที่ ร้อยละ 50 ปรับเป็นอัตราภาษีตามมูลค่าใหม่ของสุราแช่และสุรากลั่นในอัตรา ร้อยละ 30 และสุรากลั่นมีอัตราภาษีตามปริมาณที่ 400 บาท ปรับใหม่เป็น 1,000 บาท/ลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์
อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มเพดานภาษีไม่กระทบกับกิจการสถานบันเทิงและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพราะอัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริงจะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง โดยยึดหลักไม่ทำให้ภาระประชาชนเพิ่มขึ้น