xs
xsm
sm
md
lg

“สรรพสามิต” ยืนยันโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ไม่กระทบผู้บริโภค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อธิบดีกรมสรรพสามิตยืนยันโครงสร้างภาษีใหม่ ขยับเพียงเพดานรองรับ 20 ปีข้างหน้า ส่วนอัตราจัดเก็บภาษีจริงต้องให้รัฐบาลแต่ละช่วงพิจารณา ยืนยันไม่ให้กระทบผู้บริโภคจากฐานปัจจุบัน

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ผ่านความเห็นชอบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว จะมีผลบังคับใช้ 180 วัน หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นกรมสรรพสามิตต้องทยอยเสนอกฎหมายลูกอีก 80 ฉบับ เพื่อให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาอัตราจัดเก็บภาษีจริง หลังจากนั้นกรมฯ ต้องประกาศกฎหมายลูกอีก 80 ฉบับ ยืนยันโครงสร้างภาษีใหม่ในการเสนอกฎหมายลูกจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่ต้องปรับเปลี่ยนสินค้า 16 รายการ และบริการอีก 5 ประเภท เป็นการปรับเพดานรองรับ 20 ปีข้างหน้า ไม่ใช่เป็นการกำหนดอัตราภาษีที่ต้องจัดเก็บจริงในปัจจุบัน เนื่องจากการจัดเก็บภาษีจริงต้องให้รัฐบาลบริหารแต่ละช่วงพิจารณาการจัดเก็บสอดคล้องกับค่าเงินบาท ค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ เพื่อให้สอดคล้องตามสถานการณ์แต่ละช่วง โดยที่ประชุม ครม.รัฐบาลปัจจุบันย้ำว่าโครงสร้างภาษีใหม่ต้องไม่กระทบผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าต่างจากปัจจุบัน

นายสมชาย กล่าวว่า แนวคิดการกำหนดเพดานตามโครงสร้างภาษีใหม่ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฉบับปัจจุบันรอประกาศบังคับใช้ กำหนดสัดส่วนภาระภาษีใกล้เคียงกับภาระภาษีปัจจุบัน เน้นการอำนวยความสะดวก ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ลดปัญหาการสำแดงราคานำเข้าจากต่างประเทศแตกต่างกัน มุ่งเน้นหลักการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ทั้งเรื่องแอลกอฮอล์ ระดับความหวานของสินค้า การปล่อยมลภาวะออกสู่ระบบ เช่น สุราราคาถูกและระดับแอลกอฮอล์สูงต้องมีภาระภาษีสูงขึ้น สำหรับวิธีการคำนวณภาษีสำหรับสินค้าสุรา เบียร์ และไวน์ เน้นระบบแบบผสม โดยเปลี่ยนแปลงรูปแบบเพียงเล็กน้อยจากวิธีปัจจุบัน คือ อัตราจัดเก็บใหม่เท่ากับอัตราตามมูลค่าบวกด้วยอัตราตามปริมาณ (ดีกรีแอลกอฮอล์)

ดังนั้น โครงสร้างภาษีใหม่ ซึ่งได้เปลี่ยนฐานจากคำนวณราคาหน้าโรงงานหรือราคาขายส่งสุดท้าย เปลี่ยนเป็นราคาขายปลีกแนะนำ โดยราคาสินค้าปลีกแนะนำภาคเอกชนต้องแจ้งมายังกรมสรรพสามิต จากนั้นจะนำกฎหมายซึ่งกำหนดมาตรฐานในการคำนวณเข้าไปตรวจสอบว่าเอกชนได้ส่งราคาแนะนำมาให้ตรงตามข้อกำหนดหรือต่ำกว่าความจริงหรือไม่

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมสรรพสามิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สุรากลั่น มีระดับแอลกอฮอล์หรือปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ (ดีกรี) ตั้งแต่ 28-45 ดีกรี อีกประเภท คือ สุราแช่ ประกอบด้วย เบียร์มีระดับแอลกอฮอล์ 3-7 ดีกรี ส่วนไวน์มีระดับแอลกอฮอล์ 13-17 ดีกรี เมื่อสุราแช่ มีระดับแอลกอฮอล์ต่ำกว่าสุรากลั่น จึงกำหนดเพดานอัตราภาษีตามปริมาณสูงขึ้น เช่น การกำหนดเพดานใหม่ ซึ่งเตรียมเสนอ ครม.พิจารณา เช่น สุรากลั่น ปรับเพดานการคำนวณภาษีตามมูลค่าสินค้า จากเดิมร้อยละ 60 เหลือร้อยละ 30 ของมูลค่าสินค้า ส่วนการคำนวณตามปริมาณ (ดีกรี) ปรับจาก 400 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อลิตร

ส่วนสุราแช่ (เบียร์ ไวน์) ปรับฐานคำนวณภาษีตามมูลค่าจากร้อยละ 50 ของมูลค่าสินค้า เหลือร้อยละ 30 ของมูลค่าสินค้า สำหรับการจัดเก็บตามปริมาณ (ดีกรี) ปรับจาก 2,000 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 3,000 บาทลิตร ส่วนการจัดเก็บจริงต้องทยอยเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้ง และเพดานดังกล่าวใช้สำหรับการจัดเก็บในช่วง 20 ปี ไม่ใช่การจัดเก็บขณะนี้ ดังนั้น รายการสินค้าที่เป็นข่าวในปัจจุบันยังไม่เป็นความจริง เนื่องจากต้องใช้อัตราภาษีตามที่ ครม.เห็นชอบนำไปคำนวณตามจากฐานภาษี จึงไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกกระแสดังกล่าว

ส่วนสินค้าอื่นต้องเสียภาษีสรรพสามิต เช่น น้ำดื่มที่มีความหวานระดับสูง มีความฟุ่มเฟือย กำหนดเพดานร้อยละ 30 ของมูลค่า ส่วนด้านปริมาณจัดเก็บ 20 บาทต่อลิตร น้ำโซดา ถือว่าเป็นน้ำที่มีความฟุ่มเฟือย กำหนดเพดานร้อยละ 25 เพิ่มเป็นร้อยละ 30 ของมูลค่าสินค้า หรือด้านมูลค่า 20 บาทต่อลิตร ขณะที่ภาษีสรรพสามิตรถยนต์จัดเก็บตามการปล่อยมลภาวะ แต่จะไม่ให้มีภาระภาษีหรือราคารถยนต์เปลี่ยนไปจากเดิม และช่วยลดปัญหารถยนต์เขตฟรีโซนในปัจจุบัน กรมสรรพสามิตจึงทยอยเสนอกฎหมายลูกให้เสร็จภายใน 6 เดือนหลังจากนี้ เพื่อทันกับการบังคับใช้ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิตและการกำหนดเพดานทุกประเภทได้หารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และเตรียมจัดทำหนังสือทั้งภาษาไทยและอังกฤษ และจัดเวทีแจงรายละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบแต่ช่วงนี้ต้องรอความชัดเจนการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กำลังโหลดความคิดเห็น