หลังศาลพิพากษาจำคุกนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น็อต กราบรถ อดีตพิธีกรรายการชื่อดัง ผู้กระทำผิดในคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส โดยโทษจำคุก 1 ปี ให้รอลงอาญา แต่กำหนดเงื่อนไขให้นายอัครณัฐ จะต้องทำงานให้บริการสังคมอีก 24 ชั่วโมง และต้องเข้ารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ4 ครั้ง วันนี้ (3 ก.ค.) นายอัครณัฐ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เพื่อรับทราบเงื่อนไขการคุมประพฤติและการทำงานบริการสังคมตามคำสั่งศาล
นายอัครณัฐ กล่าวว่า หลังจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น และคิดว่าตัวเองสามารถเป็นตัวอย่างให้เยาวชนในอนาคตเพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก พร้อมขอบคุณศาลและอธิบดีกรมคุมประพฤติ ที่เมตตาและเล็งเห็นความสามารถของตัวเอง ในการดำเนินการถ่ายทอดประสบการณ์ให้สังคม โดยเร็วๆ นี้จะมีโครงการที่ดำเนินการผ่านทางสื่อต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์สังคมต่อไป
ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายเรียกร้องเงินประกันนั้น นายอัครณัฐ ยืนยันว่า ส่วนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองแล้ว เป็นการเจรจาระหว่างบริษัทประกันและคู่กรณี ซึ่งส่วนตัวได้เจรจากับแม่ผู้เสียหายตั้งแต่วันที่มีการนัดไกล่เกลี่ยแล้ว โดยนายอัครณัฐ ยังยืนยันตามเดิมว่า หากแม่หรือผู้เสียหาย ต้องการเงินชดเชย ขอให้แจ้ง
ด้านอธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า การควบคุมประพฤติของนายอัครณัฐ เป็นการให้โอกาสผู้กระทำความผิดไม่ต้องรับโทษจำคุก แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพนักงานคุมประพฤติและปฏิบัติตามเงื่อนไขการที่ศาลกำหนด และด้วยอำนาจหน้าที่ของพนักงานคุมประพฤติตามพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 ระบุไว้ว่า พนักงานคุมประพฤติสามารถจัดให้ผู้ถูกคุมความประพฤติทำงานบริการสังคมได้ตามความเหมาะสม โดยพิจารณาจากฐานความผิดเงื่อนไขหรือคำสั่งศาล และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และในกรณีดังกล่าวกรมคุมพฤติกำหนดให้นายอัครณัฐ ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้สังคมลดการใช้ความรุนแรงเมื่อเผชิญปัญหาความขัดแย้ง เนื่องจากปัญหาการจราจร การควบคุมอารมณ์ และการให้อภัย อาจให้พูดสอดแทรกในรายการของตัวเองเท่าที่ทำได้ หรือให้มาบรรยายประสบการณ์จริงเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่กรมคุมประพฤติจะกำหนดต่อไป โดยทั้งหมดนี้จะอยู่ในการเฝ้าติดตามของเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติตลอด
นายอัครณัฐ กล่าวว่า หลังจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น และคิดว่าตัวเองสามารถเป็นตัวอย่างให้เยาวชนในอนาคตเพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก พร้อมขอบคุณศาลและอธิบดีกรมคุมประพฤติ ที่เมตตาและเล็งเห็นความสามารถของตัวเอง ในการดำเนินการถ่ายทอดประสบการณ์ให้สังคม โดยเร็วๆ นี้จะมีโครงการที่ดำเนินการผ่านทางสื่อต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์สังคมต่อไป
ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายเรียกร้องเงินประกันนั้น นายอัครณัฐ ยืนยันว่า ส่วนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองแล้ว เป็นการเจรจาระหว่างบริษัทประกันและคู่กรณี ซึ่งส่วนตัวได้เจรจากับแม่ผู้เสียหายตั้งแต่วันที่มีการนัดไกล่เกลี่ยแล้ว โดยนายอัครณัฐ ยังยืนยันตามเดิมว่า หากแม่หรือผู้เสียหาย ต้องการเงินชดเชย ขอให้แจ้ง
ด้านอธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า การควบคุมประพฤติของนายอัครณัฐ เป็นการให้โอกาสผู้กระทำความผิดไม่ต้องรับโทษจำคุก แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพนักงานคุมประพฤติและปฏิบัติตามเงื่อนไขการที่ศาลกำหนด และด้วยอำนาจหน้าที่ของพนักงานคุมประพฤติตามพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 ระบุไว้ว่า พนักงานคุมประพฤติสามารถจัดให้ผู้ถูกคุมความประพฤติทำงานบริการสังคมได้ตามความเหมาะสม โดยพิจารณาจากฐานความผิดเงื่อนไขหรือคำสั่งศาล และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และในกรณีดังกล่าวกรมคุมพฤติกำหนดให้นายอัครณัฐ ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้สังคมลดการใช้ความรุนแรงเมื่อเผชิญปัญหาความขัดแย้ง เนื่องจากปัญหาการจราจร การควบคุมอารมณ์ และการให้อภัย อาจให้พูดสอดแทรกในรายการของตัวเองเท่าที่ทำได้ หรือให้มาบรรยายประสบการณ์จริงเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่กรมคุมประพฤติจะกำหนดต่อไป โดยทั้งหมดนี้จะอยู่ในการเฝ้าติดตามของเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติตลอด