“น็อต กราบรถ” เข้าคุมประพฤติแล้ว เตรียมบรรยายรณรงค์ลดความรุนแรง อธิบดีฯ เตือนอย่าทำผิดซ้ำ

MGR Online - “น็อต กราบรถ” เข้ารายงานตัวต่ออธิบดีกรมคุมประพฤติ รับทราบเงื่อนไขบริการสังคม 24 ชม. พร้อมให้บรรยายลดความรุนแรงในสังคม เตือนอยู่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าตัวเผยจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น เตรียมถ่ายทอดประสบการณ์เป็นแบบอย่างให้สังคม

วันนี้ (3 ก.ค.) เวลา 14.00 น. นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือน็อต อายุ 28 ปี อดีตพิธีกรรายการชื่อดัง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เพื่อรายงานตัวและรับทราบเงื่อนไขการคุมประพฤติ และการทำงานบริการสังคม หลังศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาคดีทำร้ายร่างกาย ในฐานความผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์กล่าวว่า หลังศาลตัดสินคดีนายอัครณัฐทำร้ายร่างกายนายกิตติศักดิ์ หรือบอย สิงห์โต คู่กรณี สั่งจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจากยังเมตตาและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน โดยให้มารายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติ ทั้งหมด 4 ครั้ง ทุก 3 เดือน และบริการสังคมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง วันนี้นายอัครณัฐเดินทางมาหารือกับเจ้าหน้าที่เพื่อวางแผนทำประโยชน์แก่สังคมตามเงื่อนไขและเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“สำหรับนายอัครณัฐเป็นบุคคลมีชื่อเสียง พูดจาสื่อสารได้ดี และเคยเป็นนักจัดรายการวิทยุ จึงอยากให้ช่วยพูดรณรงค์ประชาสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงบนท้องถนนและยับยั้งระงับความโกรธ” พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์กล่าว

พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์กล่าวอีกว่า ระบบงานของกรมคุมประพฤติเป็นการแก้ไขลักษณะนิสัยประเภทหนึ่งที่ไม่ควบคุมตัวเพื่อให้โอกาสแก้ตัวใหม่ แต่มีเงื่อนไขต้องมารายงานตัวตามกำหนด ปกติการทำผิดอาญาจะลงโทษด้วยการจำคุกส่งตัวไปยังกรมราชทัณฑ์ และกรมพินิจฯ นอกจากนี้ ศาลไม่ได้กำชับอะไรมาเป็นพิเศษ แต่นายอัครณัฐต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายเพราะผิดเงื่อนไขและเจ้าหน้าที่จะรายงานไปยังศาลซึ่งอาจมีโทษสั่งจำคุกได้

ด้านนายอัครณัฐเปิดเผยว่า วันนี้มาพูดคุยกับอธิบดีกรมคุมประพฤติว่ามีขั้นตอนใดบ้างและดูแลผู้กระทำผิดอย่างไร รวมถึงพูดคุยเรื่องความสามารถของตนว่าช่วยทำประโยชน์อะไรเพื่อสังคมในรูปแบบใดได้บ้าง เบื้องต้นคาดว่าน่าเป็นเรื่องลดความรุนแรงในการใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ คาดว่าจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด

นายอัครณัฐเผยอีกว่า หลังจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น พร้อมขอบคุณศาล และอธิบดีกรมคุมประพฤติที่เมตตาและเล็งเห็นความสามารถของตนเองที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ให้สังคมได้ ส่วนกรณีการเรียกร้องค่าเสียหาย 20,000 บาท ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองแล้วเป็นการเจรจาระหว่างบริษัทประกันภัยและคู่กรณี ตนเองได้เจรจากับทางแม่ผู้เสียหายตั้งแต่วันที่มีการนัดไกล่เกลี่ยแล้ว คาดว่าบริษัทประกันไปพูดคุยกับคู่กรณีมากกว่า