xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรน้อมนำหลัก"พอเพียง"ของในหลวง ร.๙ เป็นต้นแบบการดำเนินชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (21 มิ.ย.) ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 231 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง

น.ส.ธฤตวัน สังข์สำโรง อายุ 34 ปี ผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ สาขาชลบุรี กล่าวว่า ตนเพิ่งเดินทางมาเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งแรก โดยวันนี้เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนร่วมงานประมาณ 6-7 คน ออกเดินทางจาก จ.ชลบุรี ช่วงตี 4 และมาถึงท้องสนามหลวงช่วง 6 โมงเช้า และเข้ากราบเสร็จประมาณ 8 โมงเช้า ที่เลือกมาวันธรรมดาเพราะคนไม่เยอะมาก ได้มีเวลาสัมผัสบรรยากาศเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อประชาชนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ท่านทรงไปทุกที่ถึงแม้จะทุรกันดารเพียงใด ท่านก็ไปถึง และทำมานานแล้ว อย่างการเข้าไปสร้างอาชีพให้ชนเผ่าบนดอยสูง นอกจากจะทำให้ชาวเขามีอาชีพแล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดได้ด้วย และพระราชทานโครงการในพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการ เพื่อคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับน้ำ เช่น โครงการฝนหลวง ที่ช่วยให้ชาวไร่ชาวนามีน้ำใช้ทำการเกษตร และโครงการฝายชะลอน้ำ รวมถึงโครงการแก้มลิง ที่ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้ดี

"รู้สึกประทับใจทุก ๆ โครงการ กว่า 4 พันโครงการที่พระองค์ท่านคิด พระองค์ทำ เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้แต่คนบนดอยจากที่ปลูกฝิ่น ท่านก็ส่งเสริมอาชีพให้หันมาปลูกพืชผักผลไม้ส่งโครงการหลวง ทำให้มีอาชีพ มีรายได้ และพระองค์ท่านไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ซึ่งเคยได้ยินเรื่องเล่าแล้วรู้สึกประทับใจ ที่มียายคนหนึ่งนำดอกบัวมารอรับเสด็จในหลวง ร.9 แต่พระองค์ท่านเสด็จฯ ไปอีกทางหนึ่ง ยายก็รอ แต่พอในหลวงท่านทราบว่ามียายมารอ ท่านก็เสด็จฯ ผ่านมารับดอกบัวจากยาย ถึงแม้ดอกบัวนั้นจะเหี่ยว ทำให้รู้สึกว่าพระองค์ไม่ละทิ้งประชาชน ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกเศร้าและใจหายที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต แต่อีกความรู้สึกหนึ่ง เหมือนพระองค์ท่านยังอยู่กับพวกเราตลอด ท่านทรงเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต โดยนำคำสอนในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้" น.ส.ธฤตวัน กล่าวด้วยความซาบซึ้ง

นางดลกนก ดุจยรัตน์ อายุ 62 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนอีกสี่คนจากจังหวัดชลบุรีตั้งแต่ช่วงเช้า เผยความรู้สึกหลังขึ้นกราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งแรกว่า มีความปลาบปลื้มใจมาก ที่ผ่านมาตลอดชีวิตแม้ไม่เคยโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จเลย ทว่าครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นโอกาสสุดท้าย แต่ถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตตัวเองมากเหลือเกิน เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นต้นแบบในเรื่องความอดทน ความอุตสาหะ ความพอเพียง และแน่นอนว่าตัวเองก็ได้น้อมนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการดำรงชีวิตอย่างประชาชนคนไทยที่ดีในการรักษาวัฒนธรรมประเพณีตามรอยพระองค์ท่าน

"ความพอเพียงที่น้อมนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ชีวิตเรามีความสุขตามอัตภาพ ไม่เดือดร้อน ไม่ขาดแคลน เมื่อเราไม่ฟุ้งเฟ้อเราก็อยู่อย่างมีความสุข ซึ่งความพอเพียงดังกล่าวนี้หลายคนอาจจะคิดว่ายาก แต่ถ้าลงมือปฏิบัติจนชินแล้วจะเป็นการดำเนินชีวิตแบบปกติในชีวิตประจำวัน และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงไม่มีอะไรที่ยาก ไม่ลำบาก และไม่อึดอัด อย่างที่บ้านแม้ไม่ได้เป็นชาวสวน แต่ก็ปลูกพืชผัก ปลูกผลไม้ต่างๆ ไว้รับประทานเอง นอกจากนี้ พวกของใช้ในครัวเรือน อาทิ สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน หรือแม้น้ำหมักสำหรับรดน้ำต้นไม้ ก็ทำใช้เองในบ้านด้วย" นางดลกนก กล่าว

เช่นเดียวกับนางปริศนา ฐิติวัช อายุ 62 ปี ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี เล่าว่า เดินทางมากราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึงสามครั้ง เพราะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยในการดูแลประชาชนคนไทยให้มีความอยู่ดีกินดีตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ โดยไม่มีใครเคยได้ยินว่าพระองค์ทรงบ่นว่าเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายสักครั้งเดียว จากข้อนี้พระองค์จึงเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต นอกเหนือจากเรื่องความพอเพียง ก็เป็นเรื่องความอดทน เวลาที่ชีวิตของตัวเองประสบปัญหาที่คิดว่าหนักหนาสาหัสเสียเหลือเกิน ก็จะดูพระองค์เป็นตัวอย่างว่าทรงต้องเจอปัญหาและคอยแก้ไขปัญหาต่างๆ มากกว่าประชาชนมากมาย ทั้งที่ทรงเป็นถึงพระมหากษัตริย์ บางเรื่องไม่จำเป็นต้องเหนื่อยต้องเครียด แต่พระองค์ยังทรงเลือกที่จะทรงงานเอง ทั้งนี้ก็เพื่อประชาชนทั้งนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น