นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงกรณีโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลและวิพากษ์วิจารณ์กันว่ารัฐบาลจะดำเนินการปรับขึ้นอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป โดยจัดเก็บตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทั้งเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อรถรุ่นใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ประหยัดพลังงาน ที่มีประสิทธิภาพในการลดมลพิษมากขึ้นนั้น โดยชี้แจงว่า จากการตรวจสอบ พบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวเก่าที่เคยเผยแพร่เมื่อปี 2559 โดยไม่ใช่นโยบายหรือมาตรการที่มีผลในทางปฏิบัติ จากสำนักงานเศษฐกิจอุตสาหกรรม (สอศ.) ในส่วนของกรมการขนส่งทางบกได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้ว
พร้อมยืนยันว่า ยังคงจัดเก็บภาษีรถประจำปีในอัตราคงเดิมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับอัตราการจัดเก็บภาษีรถประจำปีรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี แต่อย่างใด แต่เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจสภาพรถสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีรถประจำปี
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังมีแนวคิดที่จะลดอัตราภาษีในระบบรถสาธารณะ ทั้ง พ.ร.บ.รถยนต์ และ พ.ร.บ.ขนส่ง เพื่อจูงใจในการสร้างมาตรฐานคุณภาพการให้บริการประชาชน และลดต้นทุนการเดินรถ ลดต้นทุนลอจิสติกส์ เอื้อต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยรวม
ทางด้าน น.ส.นิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมไม่เคยมีนโยบายดังกล่าว โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ขอยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายเช่นนี้มาก่อน เข้าใจว่าข่าวนี้น่าจะเป็นข่าวเก่า เมื่อปี 2559 ในช่วงที่ สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรมรายเดือน ประจำเดือนเมษายน 2559 จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเชื่อและส่งต่อข่าวนั้นๆ เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้น
พร้อมยืนยันว่า ยังคงจัดเก็บภาษีรถประจำปีในอัตราคงเดิมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และยังไม่มีแนวคิดที่จะปรับอัตราการจัดเก็บภาษีรถประจำปีรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี แต่อย่างใด แต่เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจสภาพรถสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีรถประจำปี
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังมีแนวคิดที่จะลดอัตราภาษีในระบบรถสาธารณะ ทั้ง พ.ร.บ.รถยนต์ และ พ.ร.บ.ขนส่ง เพื่อจูงใจในการสร้างมาตรฐานคุณภาพการให้บริการประชาชน และลดต้นทุนการเดินรถ ลดต้นทุนลอจิสติกส์ เอื้อต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยรวม
ทางด้าน น.ส.นิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมไม่เคยมีนโยบายดังกล่าว โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ขอยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายเช่นนี้มาก่อน เข้าใจว่าข่าวนี้น่าจะเป็นข่าวเก่า เมื่อปี 2559 ในช่วงที่ สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรมรายเดือน ประจำเดือนเมษายน 2559 จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเชื่อและส่งต่อข่าวนั้นๆ เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้น