พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนรับรู้และสร้างเป้าหมายของประเทศ (Sense of Purpose) ร่วมกัน เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของบ้านเมืองไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น โดยการทำสิ่งที่มีความยิ่งใหญ่ร่วมกัน ให้คนทุกระดับชั้นมีอิสระที่จะร่วมสร้างเป้าหมาย และแบ่งปันไปสู่ผู้อื่นโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงสำคัญที่คนไทยควรใช้เป็นโอกาสที่จะสร้างบ้านแปงเมืองให้เป็นประเทศที่ศิวิไลซ์ เหมือนกับที่เราเคยฝันไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน และก้าวข้ามผ่านวงจรของปัญหาที่เกิดขึ้นมานับสิบปีไปให้ได้ โดยนายกรัฐมนตรีมีความประทับใจสุนทรพจน์ของนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ที่ได้กล่าวในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประจำปีนี้ และอยากให้คนไทยนำไปปรับใช้ โดยการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน คือ การมองไปข้างหน้า และร่วมกันปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และประเทศไทยก้าวขึ้นไปเป็นประเทศชั้นนำในเอเชีย โดยทุกฝ่ายต้องหยุดความขัดแย้ง เปลี่ยนความคิดและคำพูดที่ติดลบเป็นความสร้างสรรค์
สิ่งต่อไปคือ ให้คนทุกระดับชั้นร่วมสร้างความยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามส่งเสริม ทั้งการรับฟังเสียงของประชาชนว่าเขาคิดอย่างไร คนไทยจะต้องปรับวิธีคิดเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ด้วยการสร้างความเข้มแข็งจากตนเอง เกษตรกรต้องเปลี่ยนเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเป็น Smart SMEs หรือ Startup ที่มีศักยภาพสูง ผู้ที่ทำงานให้บริการต้องยกระดับบริการของตนให้มีมูลค่าสูงขึ้น และแรงงานไทยที่มีทักษะต่ำต้องพัฒนาตนเองให้เป็นแรงงานที่มีความรู้และทักษะสูงขึ้น
จากนั้นจึงแบ่งปันไปสู่ผู้อื่นโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ประเทศเพื่อนบ้านเติบโตไปพร้อม ๆ กัน และส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน หากคนไทยและประเทศไทยดีขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านก็จะต้องดีขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภูมิภาค
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลอยากวิงวอนให้พี่น้องประชาชนสำรวจตนเอง และนำแนวคิดการรับรู้ถึงเป้าหมาย (Sense of Purpose) ไปปรับใช้ในชีวิตด้วยการลงมือทำตั้งแต่วันนี้ โดยเชื่อมั่นว่าหากทุกคนคำนึงถึงประโยชน์ของบ้านเมืองก่อนประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้อง และหันมาร่วมมือกันสร้างเป้าหมายใหม่ของชาติ ก็จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงสำคัญที่คนไทยควรใช้เป็นโอกาสที่จะสร้างบ้านแปงเมืองให้เป็นประเทศที่ศิวิไลซ์ เหมือนกับที่เราเคยฝันไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน และก้าวข้ามผ่านวงจรของปัญหาที่เกิดขึ้นมานับสิบปีไปให้ได้ โดยนายกรัฐมนตรีมีความประทับใจสุนทรพจน์ของนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ที่ได้กล่าวในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประจำปีนี้ และอยากให้คนไทยนำไปปรับใช้ โดยการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน คือ การมองไปข้างหน้า และร่วมกันปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และประเทศไทยก้าวขึ้นไปเป็นประเทศชั้นนำในเอเชีย โดยทุกฝ่ายต้องหยุดความขัดแย้ง เปลี่ยนความคิดและคำพูดที่ติดลบเป็นความสร้างสรรค์
สิ่งต่อไปคือ ให้คนทุกระดับชั้นร่วมสร้างความยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามส่งเสริม ทั้งการรับฟังเสียงของประชาชนว่าเขาคิดอย่างไร คนไทยจะต้องปรับวิธีคิดเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ด้วยการสร้างความเข้มแข็งจากตนเอง เกษตรกรต้องเปลี่ยนเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเป็น Smart SMEs หรือ Startup ที่มีศักยภาพสูง ผู้ที่ทำงานให้บริการต้องยกระดับบริการของตนให้มีมูลค่าสูงขึ้น และแรงงานไทยที่มีทักษะต่ำต้องพัฒนาตนเองให้เป็นแรงงานที่มีความรู้และทักษะสูงขึ้น
จากนั้นจึงแบ่งปันไปสู่ผู้อื่นโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ประเทศเพื่อนบ้านเติบโตไปพร้อม ๆ กัน และส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน หากคนไทยและประเทศไทยดีขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านก็จะต้องดีขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภูมิภาค
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลอยากวิงวอนให้พี่น้องประชาชนสำรวจตนเอง และนำแนวคิดการรับรู้ถึงเป้าหมาย (Sense of Purpose) ไปปรับใช้ในชีวิตด้วยการลงมือทำตั้งแต่วันนี้ โดยเชื่อมั่นว่าหากทุกคนคำนึงถึงประโยชน์ของบ้านเมืองก่อนประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้อง และหันมาร่วมมือกันสร้างเป้าหมายใหม่ของชาติ ก็จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน