นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวจากกรณีโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 489 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีปัญหารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 100 คันที่บริษัทเบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูลนำเข้ามาเตรียมส่งมอบให้กับ ขสมก.ในล็อตแรก ถูกกรมศุลกากรตรวจพบว่ามีการดำเนินการผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการแจ้งแหล่งกำเนิดเป็นเท็จว่า ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมในการทำงานของกรมศุลกากรที่พยายามทำงานการตรวจสอบได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ว่าจะมีการนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือเวียนไปประเทศไหนก็ควรเสียภาษีตามปกติของประเทศ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ควรที่จะเร่งทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เสียภาษีตามระบบที่ถูกต้อง เพราะในขณะนี้รัฐบาลเองก็เดินหน้าเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอยู่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การทำงานด้านนี้ได้ เท่าที่ทราบโครงการดังกล่าวนี้มีความผิดปกติตั้งแต่แรกโครงการแล้ว พอดำเนินการต่อก็มีทีละส่วนที่ถูกเปิดเผยข้อเท็จจริง กรณีนี้ก็เป็นอีกส่วนที่ถูกตรวจพบความผิดปกติ ควรเร่งให้องค์กรรัฐและองค์กรอิสระอย่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)เข้าไปตรวจสอบว่าเรื่องนี้มีเบื้องอย่างไรบ้าง นายพิชัย กล่าว.จี้ รัฐ-องค์กรอิสระตรวจสอบหาเบื้องหลัง เชื่อโครงการผิดแต่แรก พร้อมชมกรมศุลกากร