นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ตนได้ออกมาวิจารณ์การที่บริษัทลูกของ กฟผ. จ่ายเงิน 1.17 หมื่นล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้นของเหมืองถ่านหิน ในอินโดนีเซีย เพียง 11-12% นั้น เป็นการตำหนิตามหลักการการบริหารธุรกิจ เป็นตามเหตุผล ใครที่อยู่ในวงการธุรกิจและการค้าหลักทรัพย์ ได้เห็นการซื้อขายที่ผิดปกติแบบนี้ก็ต้องมีความเห็นเหมือนกับตน ซึ่ง กฟผ. ควรจะต้องชี้แจง ให้ความกระจ่างกับประชาชน มากกว่าที่จะใช้วาจาที่ไม่สุภาพ และ ผู้ว่าฯ กฟผ. ควรจะต้องมีวุฒิภาวะและสัมมาคารวะ เพราะตนก็เคยเป็น รมว.พลังงาน และ เป็นอดีตผู้บังคับบัญชา กฟผ.โดยตรง ย่อมมีสิทธิที่จะวิพากษ์การดำเนินการที่เห็นว่าผิดปกติได้ เพราะหลังจากที่ตนออกมาเปิดเผย ทุกคนต่างเห็นด้วยว่าน่าจะผิดปกติ โดย กฟผ. ต้องตอบปัญหาที่สังคมสงสัยดังนี้
1. เหตุใดจึงจ่าย 1.17 หมื่นล้าน เพื่อซื้อหุ้นเพียง 11-12% เป็นเรื่องสมเหตุสมผลหรือไม่ กฟผ.อินเตอร์มีสิทธิ์มีเสียงในการบริหารเหมืองถ่านหินนี้หรือไม่ ถ้าถือหุ้นเพียงเท่านี้ ความเสี่ยงที่จะเกิดหากการบริหารผิดพลาดแล้วบริษัทเกิดเจ๊ง ใครจะรับผิดชอบ
2. กฟผ. ทราบหรือไม่ว่าอนาคตของโลกจะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานอื่นที่ไม่ใช่ถ่านหินแล้ว บางสำนักวิเคราะห์ยังพูดถึงการหยุดใช้ถ่านหินในปี 2025 ด้วยซ้ำไป กฟผ. ที่อยู่ในธุรกิจนี้ น่าจะทราบดี
3. กฟผ. มองอนาคตราคาถ่านหินอย่างไร ขอให้เปิดเผยเอกสารการทำขัอตกลงทั้งหมด เพื่อขอตรวจสอบ เพราะหากถ่านหินจะหมดความสำคัญในอนาคต ราคาถ่านหินควรเป็นเท่าไร
4. ถ้าแนวโน้มการใช้ถ่านหินลดลง ราคาถ่านหินก็มีแนวโน้มที่จะราคาต่ำลง กฟผ.ควรซื้อถ่านหินในตลาดสากลปกติมากกว่าจะเข้าไปถือหุ้นเหมืองถ่านหินเอง แถมยังไม่มีสิทธิบริหาร ใช่หรือไม่ บริษัทที่ผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซยังไม่เห็นต้องไปขุดก๊าซเองเลย อีกทั้งราคาก๊าซ ก็จะมีแนวโน้มราคาที่คงที่ หรือต่ำลงในอนาคต
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ได้มีรองผู้ว่าฯ กฟผ. ท่านหนึ่ง ได้โทรมาขอร้องตน เพื่อให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ซึ่งตนก็ขอให้นำเอกสารเข้ามาชี้แจง จะได้ทราบเหตุผล โดย รองผู้ว่าฯ กฟผ.จะขอให้ กรรมการผู้จัดการ กฟผ. อินเตอร์ โทรมาชี้แจง ตนจึงขอให้นำเอกสารแล้วนัดเข้ามาชี้แจงเลย จะได้ซักถามได้ แต่ก็ได้หายเงียบไป แล้ว ผู้ว่าฯ กฟผ. ก็ออกมาพูดแบบนี้ ส่วนข่าวสารที่อาจจะมีการทุจริตนั้น ตนได้รับข้อมูลจากวงการพลังงานในประเทศอินโดนีเซีย ที่ตนได้ข้อมูลมาตลอดแม้กระทั่งเรื่องการลงทุนของ ปตท. ในอินโดนีเซีย ที่มีการทุจริตกันอย่างมาก ซึ่ง บอร์ดปตท. ได้มีมติลงโทษ และเรื่องอยู่ใน ป.ป.ช. แล้ว
ในฐานะที่เป็น ผู้ว่าฯกฟผ. ควรจะตัองมีวุฒิภาวะ และความเป็นมืออาชีพ ซึ่งควรจะตอบข้อสงสัยของสังคม มากกว่าจะมาพูดจาไม่สุภาพกับคนที่ออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากล
ทั้งนี้ หากกฟผ. ไม่สามารถชี้แจงให้สังคมเข้าใจได้ กฟผ. ประธานบอร์ด กฟผ. รมว.พลังงาน รวมถึง ครม. ก็ควรจะต้องร่วมกันรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ได้ผ่านครม.แล้ว .
1. เหตุใดจึงจ่าย 1.17 หมื่นล้าน เพื่อซื้อหุ้นเพียง 11-12% เป็นเรื่องสมเหตุสมผลหรือไม่ กฟผ.อินเตอร์มีสิทธิ์มีเสียงในการบริหารเหมืองถ่านหินนี้หรือไม่ ถ้าถือหุ้นเพียงเท่านี้ ความเสี่ยงที่จะเกิดหากการบริหารผิดพลาดแล้วบริษัทเกิดเจ๊ง ใครจะรับผิดชอบ
2. กฟผ. ทราบหรือไม่ว่าอนาคตของโลกจะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานอื่นที่ไม่ใช่ถ่านหินแล้ว บางสำนักวิเคราะห์ยังพูดถึงการหยุดใช้ถ่านหินในปี 2025 ด้วยซ้ำไป กฟผ. ที่อยู่ในธุรกิจนี้ น่าจะทราบดี
3. กฟผ. มองอนาคตราคาถ่านหินอย่างไร ขอให้เปิดเผยเอกสารการทำขัอตกลงทั้งหมด เพื่อขอตรวจสอบ เพราะหากถ่านหินจะหมดความสำคัญในอนาคต ราคาถ่านหินควรเป็นเท่าไร
4. ถ้าแนวโน้มการใช้ถ่านหินลดลง ราคาถ่านหินก็มีแนวโน้มที่จะราคาต่ำลง กฟผ.ควรซื้อถ่านหินในตลาดสากลปกติมากกว่าจะเข้าไปถือหุ้นเหมืองถ่านหินเอง แถมยังไม่มีสิทธิบริหาร ใช่หรือไม่ บริษัทที่ผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซยังไม่เห็นต้องไปขุดก๊าซเองเลย อีกทั้งราคาก๊าซ ก็จะมีแนวโน้มราคาที่คงที่ หรือต่ำลงในอนาคต
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ได้มีรองผู้ว่าฯ กฟผ. ท่านหนึ่ง ได้โทรมาขอร้องตน เพื่อให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ซึ่งตนก็ขอให้นำเอกสารเข้ามาชี้แจง จะได้ทราบเหตุผล โดย รองผู้ว่าฯ กฟผ.จะขอให้ กรรมการผู้จัดการ กฟผ. อินเตอร์ โทรมาชี้แจง ตนจึงขอให้นำเอกสารแล้วนัดเข้ามาชี้แจงเลย จะได้ซักถามได้ แต่ก็ได้หายเงียบไป แล้ว ผู้ว่าฯ กฟผ. ก็ออกมาพูดแบบนี้ ส่วนข่าวสารที่อาจจะมีการทุจริตนั้น ตนได้รับข้อมูลจากวงการพลังงานในประเทศอินโดนีเซีย ที่ตนได้ข้อมูลมาตลอดแม้กระทั่งเรื่องการลงทุนของ ปตท. ในอินโดนีเซีย ที่มีการทุจริตกันอย่างมาก ซึ่ง บอร์ดปตท. ได้มีมติลงโทษ และเรื่องอยู่ใน ป.ป.ช. แล้ว
ในฐานะที่เป็น ผู้ว่าฯกฟผ. ควรจะตัองมีวุฒิภาวะ และความเป็นมืออาชีพ ซึ่งควรจะตอบข้อสงสัยของสังคม มากกว่าจะมาพูดจาไม่สุภาพกับคนที่ออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากล
ทั้งนี้ หากกฟผ. ไม่สามารถชี้แจงให้สังคมเข้าใจได้ กฟผ. ประธานบอร์ด กฟผ. รมว.พลังงาน รวมถึง ครม. ก็ควรจะต้องร่วมกันรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ได้ผ่านครม.แล้ว .