นายวิวัฒน์ วงศ์ศิริ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน กรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจรถโดยสารสาธารณะ บริเวณประตูทางออกหมายเลข 7 อาคาร 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า บริเวณท่าอากาศดอนเมืองเป็นจุดที่มีประชาชนใช้บริการรถโดยสารสาธารณะเป็นจำนวนมาก ทั้งรถแท็กซี่ และรถโดยสารไม่ประจำทาง เพื่อเดินทางเข้าและออกภายในสนามบิน เจ้าหน้าที่จึงต้องคอยอำนวยความสะดวกไม่ให้เกิดการจราจรติดขัด รวมทั้งคอยตรวจตรารถโดยสาธารณะไม่ให้กระทำความผิด
สำหรับการตรวจในวันนี้ เน้นให้ความสำคัญทั้งตัวรถและผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่นำผู้โดยสารเข้ามาส่งภายในสนามบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจตั้งแต่คนขับรถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่นำรถไปจดทะเบียนเป็นประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน ไม่ตรวจรอบมิเตอร์ตามกำหนด ซึ่งหากรถมีอายุไม่เกิน 7 ปี ต้องนำไปตรวจ 2 ครั้ง ส่วนรถแท็กซี่ที่มาอายุเกิน 7 ปี ต้องนำรถไปตรวจ 3 ครั้ง ที่กรมการขนส่งทางบก หากไม่นำไปตรวจตามกำหนดถือว่ามีความผิด
นอกจากนี้ ยังตรวจคนขับรถที่ไม่ต่อภาษีรถยนต์ ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ประเภทรถยนต์สาธารณะ อุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้อง โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์ในรถเพิ่มเติมหรืออุปกรณ์ชำรุดแล้วไม่นำไปซ่อมแซม นำรถทะเบียนป้ายแดงมาขับรับส่งผู้โดยสาร เนื่องจากยังไม่สามารถนำมาขับรับส่งได้ จะต้องรอเปลี่ยนเป็นป้ายเหลืองก่อน ซึ่งหากพบคนขับรถแท็กซี่ที่สงสัยว่ากระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะเรียกมาตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนเขียนใบคำสั่งผู้ตรวจการหรือเปรียบเทียบปรับต่อไป
จากการลงพื้นที่ตั้งแต่เวลา 07.00-09.30 น.วันนี้ (9 ธ.ค.) พบคนขับรถแท็กซี่กระทำผิด เรื่องการนำรถป้ายทะเบียนแดงมาขับขี่มากที่สุดถึง 5 ราย และพบแท็กซี่ที่ไม่นำรถไปตรวจรอบมิเตอร์ตามกำหนด 1 ราย นอกจากนี้ ยังพบรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ไม่นำรถไปต่อภาษี 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้จากสติกเกอร์ด้านหน้ารถ หรือตรวจสอบจากทางระบบของกรมการขนส่งทางบก อีกทั้งยังพบรถโดยสารไม่ประจำทางขนาดใหญ่ หรือรถทัวร์ที่นำผู้โดยสารเป็นหมู่คณะมาส่งในสนามบิน กระทำความผิด 1 ราย คือ ไม่นำรถไปตรวจสภาพตามกำหนดที่ต้องตรวจปีละ 2 ครั้ง เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของตัวรถและผู้โดยสาร รวมทั้งรถยนต์โดยสารคันดังกล่าว ยังมีการเสริมเบาะที่นั่งเพิ่มอีก 3 ที่ จาก 32 ที่นั่ง เป็น 36 ที่นั่ง เจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบกจึงได้ออกใบคำสั่งผู้ตรวจการ โดยวันนี้มีรถโดยสารสาธารณะกระทำผิดทั้งสิ้น 8 ราย
สำหรับการตรวจในวันนี้ เน้นให้ความสำคัญทั้งตัวรถและผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่นำผู้โดยสารเข้ามาส่งภายในสนามบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจตั้งแต่คนขับรถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่นำรถไปจดทะเบียนเป็นประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน ไม่ตรวจรอบมิเตอร์ตามกำหนด ซึ่งหากรถมีอายุไม่เกิน 7 ปี ต้องนำไปตรวจ 2 ครั้ง ส่วนรถแท็กซี่ที่มาอายุเกิน 7 ปี ต้องนำรถไปตรวจ 3 ครั้ง ที่กรมการขนส่งทางบก หากไม่นำไปตรวจตามกำหนดถือว่ามีความผิด
นอกจากนี้ ยังตรวจคนขับรถที่ไม่ต่อภาษีรถยนต์ ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ประเภทรถยนต์สาธารณะ อุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้อง โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์ในรถเพิ่มเติมหรืออุปกรณ์ชำรุดแล้วไม่นำไปซ่อมแซม นำรถทะเบียนป้ายแดงมาขับรับส่งผู้โดยสาร เนื่องจากยังไม่สามารถนำมาขับรับส่งได้ จะต้องรอเปลี่ยนเป็นป้ายเหลืองก่อน ซึ่งหากพบคนขับรถแท็กซี่ที่สงสัยว่ากระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะเรียกมาตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนเขียนใบคำสั่งผู้ตรวจการหรือเปรียบเทียบปรับต่อไป
จากการลงพื้นที่ตั้งแต่เวลา 07.00-09.30 น.วันนี้ (9 ธ.ค.) พบคนขับรถแท็กซี่กระทำผิด เรื่องการนำรถป้ายทะเบียนแดงมาขับขี่มากที่สุดถึง 5 ราย และพบแท็กซี่ที่ไม่นำรถไปตรวจรอบมิเตอร์ตามกำหนด 1 ราย นอกจากนี้ ยังพบรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ไม่นำรถไปต่อภาษี 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้จากสติกเกอร์ด้านหน้ารถ หรือตรวจสอบจากทางระบบของกรมการขนส่งทางบก อีกทั้งยังพบรถโดยสารไม่ประจำทางขนาดใหญ่ หรือรถทัวร์ที่นำผู้โดยสารเป็นหมู่คณะมาส่งในสนามบิน กระทำความผิด 1 ราย คือ ไม่นำรถไปตรวจสภาพตามกำหนดที่ต้องตรวจปีละ 2 ครั้ง เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของตัวรถและผู้โดยสาร รวมทั้งรถยนต์โดยสารคันดังกล่าว ยังมีการเสริมเบาะที่นั่งเพิ่มอีก 3 ที่ จาก 32 ที่นั่ง เป็น 36 ที่นั่ง เจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบกจึงได้ออกใบคำสั่งผู้ตรวจการ โดยวันนี้มีรถโดยสารสาธารณะกระทำผิดทั้งสิ้น 8 ราย