ใช้ของเถื่อนก็อย่างนี้! ลูกค้าแอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่รถบ้าน UBER X เรียกจากสุวรรณภูมิ ไปพุทธมณฑลสาย 4 ถูกคนขับฉุนไล่ออกจากรถ แล้วทำร้ายร่างกาย ผู้ให้บริการอ้างเป็นเพียงแค่แอปพลิเคชัน ทำอะไรไม่ได้
บริการรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชัน โดยเฉพาะ UBER X ที่นำรถบ้านมารับผู้โดยสารโดยไม่ได้ขออนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก และมีผู้นิยมใช้บริการเพราะไม่อยากเจอแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาเรื่องมาตรฐานการให้บริการ และความปลอดภัยต่อผู้โดยสารซะแล้ว เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ballshi Shisha ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่าตนเองเรียกใช้บริการ UBER X แล้วถูกคนขับรถทำร้ายร่างกาย ระบุว่า “โดยสารกับ UBER โดน UBER ทำร้ายร่างกาย ตอนนี้แจ้งความออกหมายจับแล้วครับ
ผมเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ในวันที่ 15 กันยายน 59 เวลาประมาณ 2 ทุ่ม โดยใช้บริการแท็กซี่จาก App UBER จากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อกลับบ้านที่พุทธมณฑล สาย 4 ซึ่ง App UBER X เป็น App ที่ผมใช้ประจำมากและมากกว่า taxi ปกติด้วยครับ ได้รถทะเบียน 5กญ765 ครับ.
ผมยกกระเป๋าขึ้นมานั่งในรถด้านหลัง ขับไปสักพักคนขับเห็นรถติดตรงทางลงมอเตอร์เวย์ครับ และฝนตกด้วย คนขับดูหงุดหงิดและบ่นตลอดทาง ว่า ไม่คุ้ม ผมเลยถามว่าเอายังไงก็ได้ครับ แต่ทางคนขับก็บอกว่าไปก็ได้ครับ ผมก็ถามเขาว่าใน App คำนวณคิดบริการมาเท่าไหร่ครับ ผมช่วยค่ารถเพิ่มไหมครับ แต่ทางคนขับก็บอกว่าไปได้ไม่เป็นไร
เนื่องจากฝนตกและรถก็ติดมาก รถติดสักพักคนขับก็พูดกับผมว่า ให้ลงตรงในเมืองนะ ตรงพระราม 9 เพราะคนขับมีประชุมต่อที่อโศก ผมก็งงว่าคือยังไงครับ จะให้ผมเสียสองรอบทำไม และผมเพลียมากครับ ไม่สบายด้วย และถ้าแท็กซี่ไม่ไปส่ง ก็ควรจะบอกแต่แรกครับ ทำไมฝืนออกมานอกสุวรรณภูมิซึ่งมันลงไม่ได้ และยังจะบอกเราว่าเดี๋ยวจะวนกลับไปสุวรรณภูมิส่งที่เดิมครับ แต่ผมยกเลิกลูกค้าไม่ได้ ผมโดนรีพอร์ต และจะโดน UBER X ปรับ 500 บาท ผมก็งงว่า คนขับกลับไปส่งผมที่สุวรรณภูมิเหมือนเดิม แต่ไม่ยอมคืนเงิน ที่ตัดบัตรเครดิตผมไปแล้ว อ้างว่าไม่อยากเสียประวัติและจะทำ UBER รู้ว่าเขายกเลิกงาน และจะโดนปรับ
นั่งมาในรถสักพักคนขับก็บอกกับเราอีกว่า พุทธมณฑล สาย 4 ไม่อยู่ในขอบเขตที่จะไปส่ง แต่ถ้าพุทธมณฑล สาย 3 อยู่ในขอบเขต ผมก็บอกว่า ลงพุทธมณฑล สาย 2 - 3 ก็ได้ครับ ตอนนี้ฝนตก ขอไปส่งผมที่สว่าง ๆ ผมไม่สบายครับ คนขับหันมาบอกผมว่า “คุณอย่ามาหัวหมอ” ผมงงมากว่าผมหัวหมอตรงไหน. และคนขับไม่สมควรพูดคำนี้กับลูกค้าเลย ผมเริ่มคิดว่าคนขับเริ่มแปลก ๆ แล้ว เลยเอามือถือยกขึ้นมาถ่ายวิดีโอไว้ กะว่าจะเอาไปร้องเรียน UBER X เรื่องมารยาท แต่พออัดคลิปคบขับกลับไม่พูดอะไรเลย นิ่งเงียบพูดเสียงเบาเหมือนไม่อยากให้เราบันทึกอะไรไว้ สักพักคนขับเลี้ยวจอดในปั๊มเชลล์ และหยิบโทรศัพท์เขาออกมา ผมก็ถ่ายวิดีโอเพื่อให้เห็นว่าคนขับหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะกดยกเลิกหรืออย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทำ และพูดกับผมว่า ก็ได้ จะไปใช่ไหม ไปส่งให้ถึงบ้านเลย และขับกระชากออกมาเลย ขับไปได้ประมาณ 700 เมตร คนขับจอดรถชิดซ้าย เดินลงมาเปิดประตูฝั่งคนนั่ง แล้วพูดว่ามึงออกไปเลย ไล่ผมลงจากรถ ผมก็บอกว่า แล้วทำไมไม่ยกเลิกที่ตัดบัตรเครดิตคืนให้ผมก่อน นี่ไล่ผมลงเลย เขาเดินไปท้ายรถหยิบกระเป๋าผมเขวี้ยงออกจากรถ ผมตกใจมากบอกว่าถ้าให้ลงทำไมคุณไม่พูดดี ๆ และยกเลิกงานก่อน จนเค้าพุ่งเข้ามาทำร้ายผม กระชากคอเสื้อพร้อมสร้อยทองหลุดไป พอดีตรงนั้นมีคนอยู่ผมเลยตะโกนให้คนช่วย มีคนเห็นครับ เขาเลยรีบขับรถออกไป ส่วนผมได้แต่ยืนอึ้ง ของฝากที่ซื้อมาผมยังอยู่ในรถอยู่เลย สายหูฟังไอโฟนก็ตกในรถ
สุดท้ายผมต้องขึ้นแท็กซี่อีกคันเพื่อกลับมาบ้านก่อนที่พุทธมณฑล สาย 4 แฟนและลูกผมก็ตกใจว่าเราโดนหนักมาก แต่ตอนนั้นผมเห็นหน้าลูกก็ดีใจครับ ไม่ได้เจอ 1 อาทิตย์ และคิดย้อนกลับไปเรื่องที่โดนทำร้าย ดีที่เราไม่ไปสู้กับเค้าหรือโต้ตอบครับ ไม่งั้นอะไรจะเกิดขึ้น เราไม่รู้จริง ๆ ว่า ในรถเค้ามีอาวุธอะไรไหม ทางพี่เขยขับรถมาหาที่บ้าน เห็นแผลเราบอกไม่ได้ ยอมความไม่ได้ ตอนนั้นป่วยมากไม่สบาย อยากกลับไปนอนกับลูก ๆ มาก ก็เลยต้องออกมา สน.หัวหมาก เพื่อนที่เป็นห่วงมา และบอกยอมความไม่ได้นะ
เกิดเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า เรานั่ง UBER แต่ถ้าโดนทำร้ายหรือเหตุฉุกเฉินขึ้นมา เราติดต่อทาง UBER ไม่ได้เลยครับ เบอร์ติดต่อก็ไม่มี. ต้องให้แฟนผมหาเมลล์และแจ้งไปครับ.ผมรีบออกมาแจ้งความขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูกล้องวงจรปิดหน้าเซเว่นตรงจุดเกิดเหตุ ว่าผมไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ทาง สน. ก็อยากรู้ทะเบียนรถ จะได้ตามคนคนที่ทำร้ายผมได้.พี่ชายผมเลยติดต่อทาง UBER มีเจ้าหน้าที่แจ้งว่าขอโทษลูกค้าด้วย. ทางUBERไม่สามารถให้ทะเบียนรถกับเราได้ เพราะกลัวคนขับโดนทำร้าย แต่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นผมนะครับที่โดนทำร้าย ทาง UBER แจ้งว่าต้องกรอกเอกสารจากทาง UBER ก่อนและให้ทางตำรวจกรอกด้วย ถึงจะขอข้อมูลได้ ขอเวลาและจะโทรกลับมา สุดท้ายก็ไม่ได้โทรกลับมา ทางพี่ชายผมถามกับทาง UBER ว่าทำไมทำแบบนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ตอบ ได้แต่บอกว่าต้องส่งเรื่องไปที่ UBER ซานฟรานซิสโก
สุดท้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ผมไปโรงพยาบาลก่อน ไปตรวจร่างกายว่าโดนอะไรและไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และคำพูดของเจ้าหน้าที่ UBER ที่แย่กว่านั้นคือ ทางเราเป็นเพียงแอปพลิเคชัน ไม่สามารถดำเนินการได้ ผมยังสงสัยนะครับว่า ทางคุณไม่มีการตรวจสอบก่อนหรอครับว่าคนขับใครเคยมีคดีไหม หรือจิตปกติไหมในการบริการครับ ซึ่งทางผมเข้าใจเรื่องบริการครับ และไม่ได้มีลักษณะพูดไม่ดีกับเค้าด้วย นี่หรือครับแอพ UBER ที่ผมใช้บริการประจำ และเราต้องมาโดนอย่างนี้ ถ้าเกิดอนาคตมีคดีฆ่าผู้โดยสาร ข่มขืน ที่เกิดขึ้นจาก UBER จะแจ้งกับเราแค่ว่าเราเป็นเพียงแอปพลิเคชั่น แค่นั้นหรือครับ หรือต้องให้มีใครเสียชีวิตก่อน ใช่ไหมครับ”
ต่อมา ผู้โพสต์ได้เผยแพร่อีเมลของ Uber Bangkok Team ระบุว่า ได้แสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยได้ปิดบัญชีคนขับของเที่ยวการเดินทางนี้เรียบร้อยแล้ว และยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่ออำนวยความสะดวก แต่จำเป็นต้องให้ตำรวจกรอกเอกสารขอข้อมูล (Legal Request Form) ให้กับทางทีมกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนข้อมูลความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ รบกวนตอบกลับอีเมลเพื่อพิจารณาช่วยเหลือตามรูปการณ์ที่เกิดขึ้น