รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมผลงานช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งแผนงานที่จะดำเนินการต่อจากนี้ไป ไว้เสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมากระทรวงพาณิชย์เร็วๆ นี้ เพื่อติดตามการดำเนินงาน และรับฟังปัญหา รวมทั้งนายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบาย เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่เน้นแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้วย
สำหรับผลงานของกระทรวงพาณิชย์ที่สำคัญช่วง 2 ปี ที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ อาทิ การระบายสต๊อกข้าวรัฐบาล จากเดิมที่มีข้าวในสต๊อกมากถึง 18 ล้านตัน ปัจจุบันเหลือเพียง 9 ล้านตัน ระบายได้ถึง 9 ล้านตัน นับเป็นการลดภาระการบริหารจัดเก็บสต๊อกข้าว ที่ต้องใช้เงินเกือบหมื่นล้านบาท ในการจัดเก็บข้าวแต่ละปี รวมทั้งดูแลภาวะค่าครองชีพให้ประชาชน โดยเฉพาะราคาอาหารจานด่วน ด้วยการจัดทำโครงการร้านหนูณิชย์..พาชิม จำหน่ายอาหารจานด่วนไม่เกินจานละ 35 บาท เข้าไปแทรกแซงราคาอาหารจานด่วนในตลาดปกติ ปัจจุบันมีสาขาหนูณิชย์..พาชิม มากกว่า 10,000 แห่ง และยังจะขยายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ ยังช่วยดูแลราคาสินค้าเกษตรให้เกษตรกร ทั้งผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้ได้ราคาขายที่เป็นธรรม โดยได้จัดตลาดกลาง เพื่อเชื่อมโยงผู้ซื้อเข้าถึงแหล่งผลิตทางตรง ให้เกษตรกรมีช่องทางการขายเพิ่มขึ้น ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง รวมทั้งการผลักดันร่างกฎหมายที่สำคัญตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับปรุงร่างแก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่วนแผนงานในอนาคตที่จะเสนอนายกรัฐมนตรีนั้น คือทำงานตามแผนยุทธศาสตร์กระทรวงพาณิชย์ 20 ปี ตั้งแต่ปี 59-79 ซึ่งจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการใช้นวัตกรรม ใช้เทคโนโลยีในทุกด้าน และตั้งเป้าหมายว่า หากไทยเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี จะทำให้ไทยก้าวเป็นผู้นำการค้าของโลก หรืออย่างต่ำ ต้องเป็นที่ 1 ในภูมิภาค โดยเฉพาะด้านสินค้าเกษตรเชิงนวัตกรรม ที่ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยต้องเป็นที่ 1 ของโลก
สำหรับผลงานของกระทรวงพาณิชย์ที่สำคัญช่วง 2 ปี ที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ อาทิ การระบายสต๊อกข้าวรัฐบาล จากเดิมที่มีข้าวในสต๊อกมากถึง 18 ล้านตัน ปัจจุบันเหลือเพียง 9 ล้านตัน ระบายได้ถึง 9 ล้านตัน นับเป็นการลดภาระการบริหารจัดเก็บสต๊อกข้าว ที่ต้องใช้เงินเกือบหมื่นล้านบาท ในการจัดเก็บข้าวแต่ละปี รวมทั้งดูแลภาวะค่าครองชีพให้ประชาชน โดยเฉพาะราคาอาหารจานด่วน ด้วยการจัดทำโครงการร้านหนูณิชย์..พาชิม จำหน่ายอาหารจานด่วนไม่เกินจานละ 35 บาท เข้าไปแทรกแซงราคาอาหารจานด่วนในตลาดปกติ ปัจจุบันมีสาขาหนูณิชย์..พาชิม มากกว่า 10,000 แห่ง และยังจะขยายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ ยังช่วยดูแลราคาสินค้าเกษตรให้เกษตรกร ทั้งผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้ได้ราคาขายที่เป็นธรรม โดยได้จัดตลาดกลาง เพื่อเชื่อมโยงผู้ซื้อเข้าถึงแหล่งผลิตทางตรง ให้เกษตรกรมีช่องทางการขายเพิ่มขึ้น ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง รวมทั้งการผลักดันร่างกฎหมายที่สำคัญตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับปรุงร่างแก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่วนแผนงานในอนาคตที่จะเสนอนายกรัฐมนตรีนั้น คือทำงานตามแผนยุทธศาสตร์กระทรวงพาณิชย์ 20 ปี ตั้งแต่ปี 59-79 ซึ่งจะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการใช้นวัตกรรม ใช้เทคโนโลยีในทุกด้าน และตั้งเป้าหมายว่า หากไทยเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี จะทำให้ไทยก้าวเป็นผู้นำการค้าของโลก หรืออย่างต่ำ ต้องเป็นที่ 1 ในภูมิภาค โดยเฉพาะด้านสินค้าเกษตรเชิงนวัตกรรม ที่ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยต้องเป็นที่ 1 ของโลก