บรรยากาศการถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ซึ่งเป็นวันที่ 14 ของการถวายสักการะพระบรมศพ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยพสกนิกรชาวไทยผู้จงรักภักดีมี ประชาชนแต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์มารอต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันเป็นล้นพ้น
นายวีรายุทธ วชิราพิภพ อายุ 48 ปี ชาวอินเดีย ที่เดินทางมาพร้อมด้วยภรรยาชาวอินเดีย นางนวลีน กอร์ อายุ 44 ปี ประกอบอาชีพค้าขาย ที่เทศบาลเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวเป็นคนอินเดียที่มาอยู่อาศัยที่ประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ การที่เดินทางสักการะระในวันนี้ เป็นความรู้สึกที่อยากจะมา เหมือนเราเสียพ่อไปคนหนึ่ง ถ้าแลกชีวิตกับทั้งตระกูล เพื่อให้พระองค์ท่านกลับมาก็ยอม ไม่อยากให้พระองค์ท่านไปไหน โดยตนเกิดมาก็เห็นในหลวง ร.9 ทรงงานมาตลอด จำได้ว่าตั้งแต่เด็กไปโรงหนังจะมีเพลงสรรพเสริญพระบารมี และตนจะร้องไห้ในทุกครั้ง เพราะรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มีบุญที่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ครอบครัวตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย อยู่อย่างสุขสบาย จนเรารู้สึกว่าเราเป็นคนไทย แม้ว่าหน้าตาและผิวพรรณจะไม่ใช่ก็ตาม อยากให้บอกคนไทยว่าโชคดีมากๆ ที่ได้เกิดมาใต้ร่มโพธิสมภาร ส่วนตัวมีภาพความทรงจำที่ประทับใจในการเสร็จไปเยี่ยมราษฏรในพื้นที่ต่างๆ ชอบรอยพระสรวล และแววพระเนตรที่ทรงมีพระเมตตา
ด้วยสำนักในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเมตตาและให้โอกาสผู้พิการทางสายตา ในการที่ทรงรับโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน ลพบุรี ไว้ในพระราชูปถัมภ์
นางสาวอิสรีย์ วงศ์ทอง ผู้จัดการโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน จ.ลพบุรี กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจหลังลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทว่า แม้แทบจะไม่ได้นอนเลย เพราะต้องพาคณะตัวแทนนักเรียนผู้พิการทางสายตาจำนวน 7 คน พร้อมกับคณะบุคลากรอีก 7 คน ออกเดินทางจาก จ.ลพบุรี มาตั้งแต่เวลา 02.00 น. เพื่อให้ทันเวลาถวายสักการะพระบรมศพในช่วงเช้า นอกจากไม่รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อย หรือเพลียจากการอดนอนแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าปลื้มใจมากๆ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสถวายความอาลัย และส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสู่สวรรคาลัย โดยตั้งใจพานักเรียน และคณะบุคลากรมาขอบพระคุณพระองค์ท่านที่ทรงเมตตาให้การดูแล และให้โอกาสผู้พิการทางสายตา ไม่เฉพาะแค่ที่โรงเรียนเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทั่วประเทศ ทุกคนได้รับโอกาสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และแนวพระราชดำริต่างๆ ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งโรงเรียนเองได้น้อมนำเอามาปฏิบัติด้วยการจัดทำสวนเกษตรพอเพียงในโรเงรียนให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมและเรียนรู้ เพื่อว่าเมื่อเด็กๆ เหล่านี้กลับไปอยู่บ้าน หรืออยู่ในชุมชนของตัวเอง จะได้นำเอาหลักดังกล่าวไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไปตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนเอาไว้
นายวีรายุทธ วชิราพิภพ อายุ 48 ปี ชาวอินเดีย ที่เดินทางมาพร้อมด้วยภรรยาชาวอินเดีย นางนวลีน กอร์ อายุ 44 ปี ประกอบอาชีพค้าขาย ที่เทศบาลเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวเป็นคนอินเดียที่มาอยู่อาศัยที่ประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ การที่เดินทางสักการะระในวันนี้ เป็นความรู้สึกที่อยากจะมา เหมือนเราเสียพ่อไปคนหนึ่ง ถ้าแลกชีวิตกับทั้งตระกูล เพื่อให้พระองค์ท่านกลับมาก็ยอม ไม่อยากให้พระองค์ท่านไปไหน โดยตนเกิดมาก็เห็นในหลวง ร.9 ทรงงานมาตลอด จำได้ว่าตั้งแต่เด็กไปโรงหนังจะมีเพลงสรรพเสริญพระบารมี และตนจะร้องไห้ในทุกครั้ง เพราะรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มีบุญที่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ครอบครัวตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย อยู่อย่างสุขสบาย จนเรารู้สึกว่าเราเป็นคนไทย แม้ว่าหน้าตาและผิวพรรณจะไม่ใช่ก็ตาม อยากให้บอกคนไทยว่าโชคดีมากๆ ที่ได้เกิดมาใต้ร่มโพธิสมภาร ส่วนตัวมีภาพความทรงจำที่ประทับใจในการเสร็จไปเยี่ยมราษฏรในพื้นที่ต่างๆ ชอบรอยพระสรวล และแววพระเนตรที่ทรงมีพระเมตตา
ด้วยสำนักในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเมตตาและให้โอกาสผู้พิการทางสายตา ในการที่ทรงรับโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน ลพบุรี ไว้ในพระราชูปถัมภ์
นางสาวอิสรีย์ วงศ์ทอง ผู้จัดการโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน จ.ลพบุรี กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจหลังลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทว่า แม้แทบจะไม่ได้นอนเลย เพราะต้องพาคณะตัวแทนนักเรียนผู้พิการทางสายตาจำนวน 7 คน พร้อมกับคณะบุคลากรอีก 7 คน ออกเดินทางจาก จ.ลพบุรี มาตั้งแต่เวลา 02.00 น. เพื่อให้ทันเวลาถวายสักการะพระบรมศพในช่วงเช้า นอกจากไม่รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อย หรือเพลียจากการอดนอนแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าปลื้มใจมากๆ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสถวายความอาลัย และส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสู่สวรรคาลัย โดยตั้งใจพานักเรียน และคณะบุคลากรมาขอบพระคุณพระองค์ท่านที่ทรงเมตตาให้การดูแล และให้โอกาสผู้พิการทางสายตา ไม่เฉพาะแค่ที่โรงเรียนเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทั่วประเทศ ทุกคนได้รับโอกาสจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และแนวพระราชดำริต่างๆ ในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งโรงเรียนเองได้น้อมนำเอามาปฏิบัติด้วยการจัดทำสวนเกษตรพอเพียงในโรเงรียนให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมและเรียนรู้ เพื่อว่าเมื่อเด็กๆ เหล่านี้กลับไปอยู่บ้าน หรืออยู่ในชุมชนของตัวเอง จะได้นำเอาหลักดังกล่าวไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไปตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนเอาไว้