นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะผู้ริเริ่มก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป เข้ายื่นข้อเสนอต่อการร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. ต้องปฏิรูปพรรคการเมืองให้เป็นพรรคระดับชาติ โดยให้เปลี่ยนแปลงกำหนดขั้นต่ำให้พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครในระบบเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของ 350 เขต หรือไม่น้อยกว่า 117 เขตขึ้นไป และจะต้องมีผู้สมัครทั้ง 4 ภาค เพื่อเป็นการยกระดับไม่ให้มีจำนวนพรรคมากจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นการลดภาระให้ กกต.ในการจัดพิมพ์ประวัติและข้อมูลพรรคส่งให้ผู้มีสิทธิออกเสียง
2.ต้องปฏิรูปให้ความสำคัญของสมาชิกพรรค โดยให้ กกต.เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง และให้บัญญัติไว้ในกฏหมายว่า ในกรณีที่สมาชิกพรรคมีความประสงค์จะลาออกจากพรรคเดิมไปพรรคใหม่นั้น สมาชิกผู้นั้นสามารถไปยื่นความประสงค์กับพรรคใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องยื่นใบลาออกจากพรรคเดิมและให้พรรคใหม่นำส่งใบสมัครแจ้งไปยัง กกต.เพื่อลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคใหม่ เหมือนกับวิธีการย้ายค่ายเบอร์โทรศัพท์มือถือที่สามารถไปยื่นย้ายที่ค่ายใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องไปแจ้งกับค่ายเดิม
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า 3.ต้องปฏิรูปการประชาสัมพันธ์ผู้สมัคร โดยให้ กกต.เป็นผู้ดำเนินการจัดพิมพ์ข้อมูลส่วนตัว นโยบายของพรรคการเมือง ขนาดความยาว 1 หน้ากระดาษ A 4 ตามที่ผู้สมัครส่งมาให้กกต. เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายการหาเสียง ทำให้พรรคการเมืองไม่ตกอยู่ในอิทธิพลของนายทุน หรือนักธุรกิจการเมือง และ 4.ต้องปฏิรูปวิธีการหาเสียง เพราะเมื่อ กกต.จัดพิมพ์รวมทั้งส่งข้อมูลผู้สมัครไปถึงผู้มีสิทธิออกเสียงทุกครัวเรือนแล้ว จึงควรลดการติดป้ายโฆษณาหาเสียง และต้องควบคุมการหาเสียง โดยใช้ระบบแจแปนโมเดล จำกัดให้เฉพาะผู้สมัครหาเสียงด้วยตัวเอง อนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ไม่เกิน 5 คน ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นประชาชนถึงร้อยละ 79.84 ของนิด้าโพล อีกทั้งต้องห้ามจัดเวทีการปราศรัยใหญ่ หรือใช้รถแห่จำนวนมากเปิดเทปขยายเสียงเพื่อวนรอบเขตเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เชื่อว่าหาก กรธ.รับพิจารณาการปฏิรูปพรรคการเมือง รวมไปถึงแก้ปัญหาความล้มเหลวในอดีตได้ ส่วนการจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปนั้น ทราบว่า กรธ.จะยกร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองเสร็จในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ และส่งให้ สนช.พิจารณาอีก 60 วัน ซึ่งคาดว่ากฏหมายจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม โดยตนจะไปยื่นจดทะเบียนตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปต่อ กกต.ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ต่อไป
2.ต้องปฏิรูปให้ความสำคัญของสมาชิกพรรค โดยให้ กกต.เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง และให้บัญญัติไว้ในกฏหมายว่า ในกรณีที่สมาชิกพรรคมีความประสงค์จะลาออกจากพรรคเดิมไปพรรคใหม่นั้น สมาชิกผู้นั้นสามารถไปยื่นความประสงค์กับพรรคใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องยื่นใบลาออกจากพรรคเดิมและให้พรรคใหม่นำส่งใบสมัครแจ้งไปยัง กกต.เพื่อลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคใหม่ เหมือนกับวิธีการย้ายค่ายเบอร์โทรศัพท์มือถือที่สามารถไปยื่นย้ายที่ค่ายใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องไปแจ้งกับค่ายเดิม
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า 3.ต้องปฏิรูปการประชาสัมพันธ์ผู้สมัคร โดยให้ กกต.เป็นผู้ดำเนินการจัดพิมพ์ข้อมูลส่วนตัว นโยบายของพรรคการเมือง ขนาดความยาว 1 หน้ากระดาษ A 4 ตามที่ผู้สมัครส่งมาให้กกต. เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายการหาเสียง ทำให้พรรคการเมืองไม่ตกอยู่ในอิทธิพลของนายทุน หรือนักธุรกิจการเมือง และ 4.ต้องปฏิรูปวิธีการหาเสียง เพราะเมื่อ กกต.จัดพิมพ์รวมทั้งส่งข้อมูลผู้สมัครไปถึงผู้มีสิทธิออกเสียงทุกครัวเรือนแล้ว จึงควรลดการติดป้ายโฆษณาหาเสียง และต้องควบคุมการหาเสียง โดยใช้ระบบแจแปนโมเดล จำกัดให้เฉพาะผู้สมัครหาเสียงด้วยตัวเอง อนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ไม่เกิน 5 คน ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นประชาชนถึงร้อยละ 79.84 ของนิด้าโพล อีกทั้งต้องห้ามจัดเวทีการปราศรัยใหญ่ หรือใช้รถแห่จำนวนมากเปิดเทปขยายเสียงเพื่อวนรอบเขตเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เชื่อว่าหาก กรธ.รับพิจารณาการปฏิรูปพรรคการเมือง รวมไปถึงแก้ปัญหาความล้มเหลวในอดีตได้ ส่วนการจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปนั้น ทราบว่า กรธ.จะยกร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองเสร็จในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ และส่งให้ สนช.พิจารณาอีก 60 วัน ซึ่งคาดว่ากฏหมายจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม โดยตนจะไปยื่นจดทะเบียนตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปต่อ กกต.ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ต่อไป
