นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังร่วมลงพื่นที่มอบถุงยังชีพและเยี่ยมประชาชนที่ประสบอุทกภัยกับคณะนายกรัฐมนตรี ที่อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดชัยนาท ว่า นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงาน โดยเฉพาะภาคการเกษตรเพื่อให้เกิดความยั่งยืน อาทิ เกษตรแปลงใหญ่ เกษตรอินทรีย์ การช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนปกติ ให้ดำเนินการตามขั้นตอน การช่วยเหลือเพิ่มเติม ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2559 นี้ จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเชิงรุก หากมีน้ำมากขั้นวิกฤติเกินกว่าแผนที่กรมชลประทานเตรียมไว้ปัจจุบัน ให้เตรียมหาแก้มลิงและพื้นที่สำรองเก็บกักน้ำเพิ่มเติมหรือหาแนวทางอื่นเพิ่มเติม และการสร้างเขื่อนในอนาคตจะทำได้ยากขึ้น จึงควรหาแนวทางใหม่
สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือ แบ่งออกเป็นกรณีการผันน้ำที่เกิดจากภาครัฐไปมีผลกระทบกับพื้นที่ของเกษตรกร ควรต้องมีการจ่ายชดเชยที่สูงกว่าปกติ ให้ทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี และการหาแก้มลิงสำรอง ให้หาพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอุทกภัยอยู่แล้ว หรือพื้นที่ที่เหมาะสมแล้วจ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ให้เกษตรกรเพื่อไว้กักเก็บน้ำระยะเวลาขึ้นกับช่วงเวลาที่จำเป็น หรือระยะยาว และการจัดทำคู่มือ สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การเตรียมตัวเผชิญปัญหาที่เกี่ยวกับน้ำ โดยให้ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือ แบ่งออกเป็นกรณีการผันน้ำที่เกิดจากภาครัฐไปมีผลกระทบกับพื้นที่ของเกษตรกร ควรต้องมีการจ่ายชดเชยที่สูงกว่าปกติ ให้ทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี และการหาแก้มลิงสำรอง ให้หาพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอุทกภัยอยู่แล้ว หรือพื้นที่ที่เหมาะสมแล้วจ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ให้เกษตรกรเพื่อไว้กักเก็บน้ำระยะเวลาขึ้นกับช่วงเวลาที่จำเป็น หรือระยะยาว และการจัดทำคู่มือ สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การเตรียมตัวเผชิญปัญหาที่เกี่ยวกับน้ำ โดยให้ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น
