นางภัทราภรณ์ เมฆพฤกษาวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 3 สำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน ในฐานะผู้แทนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ กล่าวถึงภาพรวมการบริหารจัดการน้ำในภาวะน้ำหลากเขื่อนพระราม 6 ว่า ที่ผ่านมาการจัดการน้ำด้านตะวันออกลุ่มน้ำเจ้าพระยา ระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา แม่น้ำ และคลองชลประทานสายหลักสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยารวมประมาณ 3,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งไม่สามารถรับปริมาณน้ำหลากมากกว่านี้ได้ เนื่องจากระบบชลประทานออกแบบ เพื่อการส่งน้ำเป็นหลัก มีขนาดไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำ กรมชลประทาน จึงปรับปรุงระบบชลประทานพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง คลอบคลุมตั้งแต่แม่น้ำป่าสัก บริเวณเหนือเขื่อนพระราม 6 จนถึงชายทะเลอ่าวไทย โดยขุดลอกขยายคลองให้รับน้ำจากแม่น้ำป่าสักสู่คลองระพีพัฒน์ปริมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากเดิม 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยน้ำจะผันออกแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนอีก 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะผันออกแม่น้ำนครนายกและแม่น้ำบางปะกง ลงสู่ทะเลต่อไป
ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 830 ล้านลูกบาศก์เมตร จากที่รับได้ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 89 จึงต้องพร่องน้ำออกเพื่อรองรับน้ำที่อาจมีมากขึ้นจากทางตอนบนของประเทศ
ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 830 ล้านลูกบาศก์เมตร จากที่รับได้ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 89 จึงต้องพร่องน้ำออกเพื่อรองรับน้ำที่อาจมีมากขึ้นจากทางตอนบนของประเทศ