ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับแสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดแรงงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ปิดที่ 18,293.70 จุด พุ่งขึ้น 163.74 จุด หรือ +0.90% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,295.18 จุด เพิ่มขึ้น 53.83 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.12 จุด เพิ่มขึ้น 23.36 จุด หรือ +1.09%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 3 เสียงในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น อยู่ในระดับค่อนข้างสมดุล ซึ่งเป็นการใช้ประโยคดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งในเดือนดังกล่าวเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี
อย่างไรก็ตาม แม้เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่แถลงการณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุว่า "ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น"
ด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้แถลงหลังสิ้นสุดการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ตนคาดหวังที่จะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ โดยเฟดยังเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปีนี้ คือวันที่ 1-2 พ.ย. และ 13-14 ธ.ค.
หุ้นที่มีทุนจดทะเบียนสูงในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงหุ้นโบอิ้ง หุ้นเชฟรอน และหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ที่ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2%
หุ้นไมโครซอฟท์ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลขึ้นอีก 8% และยังวางแผนซื้อคืนหุ้นมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้น FedEx ทะยานขึ้น 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีนี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ปิดที่ 18,293.70 จุด พุ่งขึ้น 163.74 จุด หรือ +0.90% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,295.18 จุด เพิ่มขึ้น 53.83 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.12 จุด เพิ่มขึ้น 23.36 จุด หรือ +1.09%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 3 เสียงในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น อยู่ในระดับค่อนข้างสมดุล ซึ่งเป็นการใช้ประโยคดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งในเดือนดังกล่าวเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี
อย่างไรก็ตาม แม้เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่แถลงการณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุว่า "ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น"
ด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้แถลงหลังสิ้นสุดการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ตนคาดหวังที่จะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ โดยเฟดยังเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปีนี้ คือวันที่ 1-2 พ.ย. และ 13-14 ธ.ค.
หุ้นที่มีทุนจดทะเบียนสูงในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงหุ้นโบอิ้ง หุ้นเชฟรอน และหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ที่ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2%
หุ้นไมโครซอฟท์ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลขึ้นอีก 8% และยังวางแผนซื้อคืนหุ้นมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้น FedEx ทะยานขึ้น 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีนี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต