ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงกว่า 2% นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐฯ และผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนสปิดที่ 17,982.52 จุด ร่วงลง 113.75 จุด หรือ -0.63% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,945.89 จุด ลดลง 2.24 จุด หรือ -0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,091.48 จุด ลดลง 10.92 จุด หรือ -0.52%
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ โดยตลาดเข้าสู่ระยะพักฐานหลังจากที่เคลื่อนไหวในแดนบวกติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลงกว่า 2% และข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐฯ
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 247,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 1973 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 263,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงมากกว่าคาด โดยดิ่งลงสู่ระดับ -1.6 ในเดือน เม.ย. จากระดับ 12.4 ในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งในสหรัฐ รวมถึงไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงก์ โดยหุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 4.6% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 4.2%
หุ้นเวริซอน คอมมูนิเคชัน และหุ้นทราเวลเลอร์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.3% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ หุ้นแมทเทล ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐฯ ดิ่งลง 5.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาสแรกปีนี้
หุ้นควอลคอมม์ อิงก์ ปรับตัวลง 0.8% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายรายไตรมาส หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปรับตัวขึ้น 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาด
หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคยังคงได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทรายใหญ่ โดยหุ้นโคคา-โคลา ร่วงลง 1.6% หุ้นโฮล ฟูดส์ มาร์เกต ดิ่งลง 4%
ส่วนหุ้นเป๊ปซี่โค ร่วงลง 1.7% หลังจากเป๊ปซี่โคเปิดเผยว่า ยอดขายลดลง 3% สู่ระดับ 1.186 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ที่ลดลงในต่างประเทศ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาบ้านเดือน ก.พ. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน เม.ย.โดยมาร์กิต
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนสปิดที่ 17,982.52 จุด ร่วงลง 113.75 จุด หรือ -0.63% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,945.89 จุด ลดลง 2.24 จุด หรือ -0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,091.48 จุด ลดลง 10.92 จุด หรือ -0.52%
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ โดยตลาดเข้าสู่ระยะพักฐานหลังจากที่เคลื่อนไหวในแดนบวกติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลงกว่า 2% และข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐฯ
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 247,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 1973 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 263,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงมากกว่าคาด โดยดิ่งลงสู่ระดับ -1.6 ในเดือน เม.ย. จากระดับ 12.4 ในเดือน มี.ค. ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งในสหรัฐ รวมถึงไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงก์ โดยหุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 4.6% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 4.2%
หุ้นเวริซอน คอมมูนิเคชัน และหุ้นทราเวลเลอร์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.3% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ หุ้นแมทเทล ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐฯ ดิ่งลง 5.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาสแรกปีนี้
หุ้นควอลคอมม์ อิงก์ ปรับตัวลง 0.8% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายรายไตรมาส หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปรับตัวขึ้น 0.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาด
หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคยังคงได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทรายใหญ่ โดยหุ้นโคคา-โคลา ร่วงลง 1.6% หุ้นโฮล ฟูดส์ มาร์เกต ดิ่งลง 4%
ส่วนหุ้นเป๊ปซี่โค ร่วงลง 1.7% หลังจากเป๊ปซี่โคเปิดเผยว่า ยอดขายลดลง 3% สู่ระดับ 1.186 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ที่ลดลงในต่างประเทศ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาบ้านเดือน ก.พ. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน เม.ย.โดยมาร์กิต