นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่2) พ.ศ.2559 ที่มีการตัดเนื้อหาอายุความในข้อ 18 จากฉบับเดิมออก ว่า ระเบียบไม่สามารถกำหนดอายุความใดๆ ได้ เนื่องจากเป็นเพียงระเบียบ แต่การกำหนดอายุความต้องกำหนดโดยพระราชบัญญติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เพราะมีผลต่อการจำกัดสิทธิบุคคลในการใช้สิทธิต่างๆ ส่วนระเบียบฉบับเดิมเป็นการเอาข้อความในพระราชบัญญัติมาเขียน ดังนั้น เมื่อซ้ำกันจึงมีการตัดออก
ขณะเดียวกัน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้กล่าวถึงกรณีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีการเรียกค่าเสียหายกรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสิน ว่า การเรียกค่าเสียหายกับการดำเนินคดีอาญาในศาลเป็นการดำเนินการคนละส่วน ซึ่งการเรียกค่าเสียหายเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ที่สามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้ ส่วนทางผู้ที่ถูกเรียกค่าเสียหายจะต่อสู้อย่างไรถือเป็นสิทธิ
ขณะเดียวกัน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้กล่าวถึงกรณีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีการเรียกค่าเสียหายกรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสิน ว่า การเรียกค่าเสียหายกับการดำเนินคดีอาญาในศาลเป็นการดำเนินการคนละส่วน ซึ่งการเรียกค่าเสียหายเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ที่สามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้ ส่วนทางผู้ที่ถูกเรียกค่าเสียหายจะต่อสู้อย่างไรถือเป็นสิทธิ