นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินมีความเห็นปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ จากร้อยละ 3.1 เป็นร้อยละ 3.2 เนื่องจากมองว่าช่วงไตรมาสที่ 2 การบริโภคมีการปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ การกระตุ้นนโยบายการคลังภาครัฐ นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และภาวะภัยแล้งคลายลง
ส่วนไตรมาสที่ 3 และ 4 มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศมากขึ้น อาทิ สถานการณ์เบรกซิท ส่วนปัจจัยเสี่ยงภายใน ต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องการบริโภคของภาคเอกชน ที่เป็นปัจจัยชั่วคราว และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและเอ็นพีแอลสูงขึ้น โดยเฉพาะในพาณิชยกรรมต่างจังหวัด ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เบื้องต้นมีการพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งถึงปัญหาดังกล่าว และบางส่วนได้ปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นโยบายการคลังจะต้องมีบทบาทอย่างต่อเนื่อง โดยต้องเป็นไปในรูปแบบการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของไทยระยะยาว จากที่ผ่านมาหลายๆ มาตรการของภาครัฐ มีผลกระตุ้นเศรษฐกิตได้จริง นอกจากนี้ยังได้แนะนำภาคเอกชน ให้ใช้เงินสกุลหยวนทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนไตรมาสที่ 3 และ 4 มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศมากขึ้น อาทิ สถานการณ์เบรกซิท ส่วนปัจจัยเสี่ยงภายใน ต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องการบริโภคของภาคเอกชน ที่เป็นปัจจัยชั่วคราว และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและเอ็นพีแอลสูงขึ้น โดยเฉพาะในพาณิชยกรรมต่างจังหวัด ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เบื้องต้นมีการพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งถึงปัญหาดังกล่าว และบางส่วนได้ปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นโยบายการคลังจะต้องมีบทบาทอย่างต่อเนื่อง โดยต้องเป็นไปในรูปแบบการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของไทยระยะยาว จากที่ผ่านมาหลายๆ มาตรการของภาครัฐ มีผลกระตุ้นเศรษฐกิตได้จริง นอกจากนี้ยังได้แนะนำภาคเอกชน ให้ใช้เงินสกุลหยวนทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
