สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย(ทีไอเจ) จัดเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อนำเสนอนโยบายยาเสพติดที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย โดย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่ากฎหมายยาเสพติดของไทยมีปัญหาจำเป็นต้องแก้กฎหมาย เพื่อให้การแก้ปัญหาเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งขณะนี้สังคมโลกต้องการยุติการทำสงครามกับยาเสพติด และใช้ระบบสุขภาพแทน แต่การจะทำได้ต้องเตรียมความพร้อม และการแก้ต้องทำพร้อมกันทุกด้าน ไม่ได้ทำเฉพาะการปราบปราม
ทั้งนี้ เชื่อว่ายาบ้าเป็นสินค้าเศรษฐกิจไม่สามารถทำให้หมดไปได้ ส่วนการเปลี่ยนบัญชียาบ้าจากวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 1 ไปเป็นประเภทที่ 2 นั้น ขอทำความเข้าใจว่ายาบ้าไม่ว่าอยู่ในบัญชีใด ก็ยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย รัฐบาลยังเดินหน้าปราบปราม และกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน บัญชีรายชื่อนักค้ารายสำคัญมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าหดหู่ ที่การแก้ปัญหายาเสพติดที่ผ่านมาไม่เป็นระบบ โดยเฉพาะการป้องกันที่ควรให้ชุมชนเป็นตัวนำ จึงต้องหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ 81,905 ชุมชนที่ควรมีบทบาทเป็นหลักในระบบคัดกรอง โดยเดือนกันยายนจะมีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ซึ่งตนเองหารือกับนายกรัฐมนตรีไว้แล้วว่าหากพื้นที่ใดทำไม่ได้ขอให้ใช้มาตรา 44 โยกย้ายทันที
ทั้งนี้ เชื่อว่ายาบ้าเป็นสินค้าเศรษฐกิจไม่สามารถทำให้หมดไปได้ ส่วนการเปลี่ยนบัญชียาบ้าจากวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 1 ไปเป็นประเภทที่ 2 นั้น ขอทำความเข้าใจว่ายาบ้าไม่ว่าอยู่ในบัญชีใด ก็ยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย รัฐบาลยังเดินหน้าปราบปราม และกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน บัญชีรายชื่อนักค้ารายสำคัญมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าหดหู่ ที่การแก้ปัญหายาเสพติดที่ผ่านมาไม่เป็นระบบ โดยเฉพาะการป้องกันที่ควรให้ชุมชนเป็นตัวนำ จึงต้องหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ 81,905 ชุมชนที่ควรมีบทบาทเป็นหลักในระบบคัดกรอง โดยเดือนกันยายนจะมีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ซึ่งตนเองหารือกับนายกรัฐมนตรีไว้แล้วว่าหากพื้นที่ใดทำไม่ได้ขอให้ใช้มาตรา 44 โยกย้ายทันที
