น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอ้างในระหว่างการให้ปากคำคดีจำนำข้าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ประเมินความเสียหาย โดยไม่ต้องพิจารณาประเด็นยุติธรรม พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวเช่นนั้นอาจเกิดจากการตีความเอกสารบันทึกการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว(นบข.) ครั้งที่ 3/2559 ที่มีคนส่งให้อย่างไม่ถูกต้อง โดยเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงบันทึกสรุปสาระสำคัญของการประชุม แต่ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้พูด ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้ที่พูดประเด็นดังกล่าวเป็นกรรมการท่านหนึ่งที่เข้าร่วมประชุม ไม่ใช่คำพูดของนายกรัฐมนตรี โดยเจตนาที่แท้จริงของกรรมการท่านที่พูดนั้น เพื่อต้องการแสดงความเห็นว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าว มีหน้าที่พิจารณาเฉพาะเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้เท่านั้น ส่วนประเด็นการพิจารณาข้อมูลเพื่อให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย เป็นเรื่องที่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาเอง
ดังนั้นไม่แน่ใจว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ปากคำเช่นนั้น มีเจตนาต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดต่อตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และทีมงาน ศึกษารายละเอียดของเอกสาร หรือตรวจสอบข้อเท็จจริงจากผู้รับผิดชอบให้ชัดเจนเสียก่อนเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่การกระทำลักษณะนี้ดูเหมือนเป็นการหวังผลทางการเมือง เพราะไม่เพียงการให้ปากคำในชั้นศาลที่บิดเบือนเท่านั้น ยังมีการจงใจเผยแพร่เอกสารบันทึกการประชุมผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งไลน์และเฟซบุ๊ก เพื่อให้สังคมเกิดความสับสนและเข้าใจผิดต่อนายกรัฐมนตรีอีกด้วย อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าประชาชนที่ติดตามข้อมูลเรื่องนี้มาโดยตลอด จะสามารถแยกแยะได้ อย่างชัดเจน ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง
ดังนั้นไม่แน่ใจว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ปากคำเช่นนั้น มีเจตนาต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดต่อตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และทีมงาน ศึกษารายละเอียดของเอกสาร หรือตรวจสอบข้อเท็จจริงจากผู้รับผิดชอบให้ชัดเจนเสียก่อนเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่การกระทำลักษณะนี้ดูเหมือนเป็นการหวังผลทางการเมือง เพราะไม่เพียงการให้ปากคำในชั้นศาลที่บิดเบือนเท่านั้น ยังมีการจงใจเผยแพร่เอกสารบันทึกการประชุมผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งไลน์และเฟซบุ๊ก เพื่อให้สังคมเกิดความสับสนและเข้าใจผิดต่อนายกรัฐมนตรีอีกด้วย อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าประชาชนที่ติดตามข้อมูลเรื่องนี้มาโดยตลอด จะสามารถแยกแยะได้ อย่างชัดเจน ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง
