ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า “การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ” เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ส่งเสริมการพัฒนาทางอ้อมเช่นกัน เพราะการได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือจะเป็นเสมือนเส้นทางความก้าวหน้าในสาขาอาชีพ (Career Path) ของลูกจ้าง ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าสู่ตลาดแรงงานใหม่ (Unskilled Labour) จนกระทั่งถึงระดับช่างฝีมือ (Skilled Labour) ทำให้คนทำงานมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน ส่งผลให้การผลิตสินค้าและบริการมีคุณภาพยิ่งขึ้น ลูกจ้างและนายจ้างได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ส่วนผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้รับประโยชน์จากการใช้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพ และในที่สุดประโยชน์โดยรวมจะตกอยู่กับประเทศไทย โดยการกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือจะส่งผลดี 4 ประการ คือ
1) ทำให้คนทำงานที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติใน 20 สาขาอาชีพ ทั้งระดับ 1 และ 2 มีค่าจ้างเหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือ ความรู้ความสามารถ และการจ้างงานในตลาดแรงงาน ทำให้คนทำงานมีขวัญกำลังใจในการทำงาน
2) เป็นแรงจูงใจให้คนทำงานทั่วไปได้มีการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ได้รับค่าจ้างสูงขึ้น
3) ผู้ประกอบการสามารถคัดเลือกแรงงานที่มีฝีมือเข้าทำงาน ทำให้สินค้าและบริการมีคุณภาพได้มาตรฐาน ลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนผลิตเพราะไม่เกิดการผิดพลาดระหว่างการผลิต และสามารถรักษาบุคลากรที่มีฝีมือไว้ได้ด้วย
4) ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือในสาขาอาชีพที่ขาดแคลน และรองรับการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
มีรายงานว่า คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) กำลังมีการพิจารณาอีก 12 สาขา เช่น ในกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ พลาสติก เป็นต้น เชื่อว่าการกำหนดดังกล่าวนายจ้างจะได้รับประโยชน์จากแรงงานที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ซึ่งทำให้สินค้าและบริการมีคุณภาพได้มาตรฐาน รวมถึงสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการผลิตแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และสอดรับกับนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาลด้วย ขณะที่ภาคแรงงานก็จะได้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือ ความรู้ ความสามารถ
ทั้งนี้ หากนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างตามประกาศดังกล่าวจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับรายละเอียดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ แบ่งเป็น..
1.กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 สาขา ประกอบด้วย พนักงานประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่าง ระดับ 1 ค่าจ้าง 360 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 430 บาท / พนักงานประกอบมอเตอร์สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ระดับ 1 ค่าจ้าง 370 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 445 บาท / ช่างเทคนิคบำรุงรักษาเครื่องจักรกล ระดับ 1 ค่าจ้าง 410 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 490 บาท / ช่างเทคนิคระบบรักษาความปลอดภัย ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง ค่าจ้าง 480 บาท
2.กลุ่มชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ จำนวน 4 สาขา ประกอบด้วย สาขาช่างกลึง ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / ช่างเชื่อมมิก-แม็ก ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / ช่างเทคนิคบำรุงรักษาเครื่องจักรกล ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาทระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / ช่างเทคนิคเครื่องกลึงอัตโนมัติ ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท
3.ยานยนต์ ประกอบด้วย ช่างเทคนิคพ่นสีตัวถัง ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / ช่างเทคนิคพ่นซีลเลอร์ตัวถัง ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / พนักงานประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์(ขั้นสุดท้าย) (ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท
4.อัญมณี ประกอบด้วย ช่างเจียรไนพลอย ระดับ 1 ค่าจ้าง 420 บาทิระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท / ช่างหล่อเครื่องประดับ ระดับ 1 ค่าจ้าง 420 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท / ช่างตกแต่งเครื่องประดับ ระดับ 1 ค่าจ้าง 420 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท / ช่างอัญมณีบนเครื่องประดับ ระดับ 1 ค่าจ้าง 420 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท
5.ลอจิสติกส์ ประกอบด้วย นักบริหารการขนส่งสินค้า ระดับ 1 ค่าจ้าง 415 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 500 บาท / ผู้ควบคุมรถยกสินค้าขนาดไม่เกิน 10 ตัน ระดับ 1 ค่าจ้าง 360 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 430 บาท / ผู้ควบคุมสินค้าคงคลัง ระดับ 1 ค่าจ้าง 350 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 420 บาท / ผู้ปฎิบัติการคลังสินค้า ระดับ 1 ค่าจ้าง 340 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 410 บาท
“ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0 แรงงานจึงต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐานฝีมือจะมากำกับเรื่องสมรรถนะ ที่จำเป็นส่วนที่ขาดก็ต้องมีการเติมเต็ม ซึ่งคนทำงานจะต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา” ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าว
1) ทำให้คนทำงานที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติใน 20 สาขาอาชีพ ทั้งระดับ 1 และ 2 มีค่าจ้างเหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือ ความรู้ความสามารถ และการจ้างงานในตลาดแรงงาน ทำให้คนทำงานมีขวัญกำลังใจในการทำงาน
2) เป็นแรงจูงใจให้คนทำงานทั่วไปได้มีการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ได้รับค่าจ้างสูงขึ้น
3) ผู้ประกอบการสามารถคัดเลือกแรงงานที่มีฝีมือเข้าทำงาน ทำให้สินค้าและบริการมีคุณภาพได้มาตรฐาน ลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนผลิตเพราะไม่เกิดการผิดพลาดระหว่างการผลิต และสามารถรักษาบุคลากรที่มีฝีมือไว้ได้ด้วย
4) ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือในสาขาอาชีพที่ขาดแคลน และรองรับการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
มีรายงานว่า คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) กำลังมีการพิจารณาอีก 12 สาขา เช่น ในกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ พลาสติก เป็นต้น เชื่อว่าการกำหนดดังกล่าวนายจ้างจะได้รับประโยชน์จากแรงงานที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ซึ่งทำให้สินค้าและบริการมีคุณภาพได้มาตรฐาน รวมถึงสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนการผลิตแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และสอดรับกับนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาลด้วย ขณะที่ภาคแรงงานก็จะได้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือ ความรู้ ความสามารถ
ทั้งนี้ หากนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างตามประกาศดังกล่าวจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับรายละเอียดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ แบ่งเป็น..
1.กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 สาขา ประกอบด้วย พนักงานประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและแสงสว่าง ระดับ 1 ค่าจ้าง 360 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 430 บาท / พนักงานประกอบมอเตอร์สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ระดับ 1 ค่าจ้าง 370 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 445 บาท / ช่างเทคนิคบำรุงรักษาเครื่องจักรกล ระดับ 1 ค่าจ้าง 410 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 490 บาท / ช่างเทคนิคระบบรักษาความปลอดภัย ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง ค่าจ้าง 480 บาท
2.กลุ่มชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ จำนวน 4 สาขา ประกอบด้วย สาขาช่างกลึง ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / ช่างเชื่อมมิก-แม็ก ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / ช่างเทคนิคบำรุงรักษาเครื่องจักรกล ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาทระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / ช่างเทคนิคเครื่องกลึงอัตโนมัติ ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท
3.ยานยนต์ ประกอบด้วย ช่างเทคนิคพ่นสีตัวถัง ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / ช่างเทคนิคพ่นซีลเลอร์ตัวถัง ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท / พนักงานประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์(ขั้นสุดท้าย) (ระดับ 1 ค่าจ้าง 400 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 480 บาท
4.อัญมณี ประกอบด้วย ช่างเจียรไนพลอย ระดับ 1 ค่าจ้าง 420 บาทิระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท / ช่างหล่อเครื่องประดับ ระดับ 1 ค่าจ้าง 420 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท / ช่างตกแต่งเครื่องประดับ ระดับ 1 ค่าจ้าง 420 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท / ช่างอัญมณีบนเครื่องประดับ ระดับ 1 ค่าจ้าง 420 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 550 บาท
5.ลอจิสติกส์ ประกอบด้วย นักบริหารการขนส่งสินค้า ระดับ 1 ค่าจ้าง 415 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 500 บาท / ผู้ควบคุมรถยกสินค้าขนาดไม่เกิน 10 ตัน ระดับ 1 ค่าจ้าง 360 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 430 บาท / ผู้ควบคุมสินค้าคงคลัง ระดับ 1 ค่าจ้าง 350 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 420 บาท / ผู้ปฎิบัติการคลังสินค้า ระดับ 1 ค่าจ้าง 340 บาท ระดับ 2 ค่าจ้าง 410 บาท
“ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0 แรงงานจึงต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐานฝีมือจะมากำกับเรื่องสมรรถนะ ที่จำเป็นส่วนที่ขาดก็ต้องมีการเติมเต็ม ซึ่งคนทำงานจะต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา” ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าว