เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. รักษาการแทน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุม น.ส.ฉัตรวิไล ภู่เรืองไทย อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.1 ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง เลขที่ 323/2558 ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ที่บริเวณหน้าบริษัทเอเชียโกลเด้นไร้ซ์ จำกัด ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อปี 2538-2540 ขณะผู้ต้องหาเป็นพนักงานองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือ ทีโอที ได้ร่วมกับพวกรวม 3 ราย ก่อเหตุยักยอกเงินที่ประชาชนจ่ายค่าโทรศัพท์เป็นจำนวนกว่า 1 ล้านบาท ต่อมาถูกต้นสังกัดไล่ออกพร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดี ระหว่างประกันตัวผู้ต้องหาได้หลบไปบวชชีที่วัดแห่งหนึ่ง กระทั่งลาสิกขาออกมาตำรวจจึงติดตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุยักยอกเงินค่าโทรศัพท์จริง เนื่องจากหัวหน้าที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ชักชวน ที่ตัดสินใจทำไปเพราะขณะนั้นตนกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินจึงร่วมกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.บางนา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้คดีดังกล่าวมีอายุความ 19 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมมาได้โดยตลอด ซึ่งอีก 1 ปี ก็จะหมดอายุความ แต่ก็มาจนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกจับกุมดำเนินคดีได้ในที่สุด
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อปี 2538-2540 ขณะผู้ต้องหาเป็นพนักงานองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือ ทีโอที ได้ร่วมกับพวกรวม 3 ราย ก่อเหตุยักยอกเงินที่ประชาชนจ่ายค่าโทรศัพท์เป็นจำนวนกว่า 1 ล้านบาท ต่อมาถูกต้นสังกัดไล่ออกพร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดี ระหว่างประกันตัวผู้ต้องหาได้หลบไปบวชชีที่วัดแห่งหนึ่ง กระทั่งลาสิกขาออกมาตำรวจจึงติดตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุยักยอกเงินค่าโทรศัพท์จริง เนื่องจากหัวหน้าที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ชักชวน ที่ตัดสินใจทำไปเพราะขณะนั้นตนกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินจึงร่วมกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.บางนา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้คดีดังกล่าวมีอายุความ 19 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมมาได้โดยตลอด ซึ่งอีก 1 ปี ก็จะหมดอายุความ แต่ก็มาจนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกจับกุมดำเนินคดีได้ในที่สุด