วันนี้ (25 ก.ค.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทีมพนักงานสอบสวนคดีนางไก่ เดินทางไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน เพื่อสอบปากคำ น.ส.กาบแก้ว หญิงสาวชาวลาว ซึ่งเป็นอดีตคนรับใช้ของนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ นางไก่ ผู้ต้องหาหลายคดี และเคยแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.กาบแก้ว ว่าลักทรัพย์มูลค่า 2.9 ล้านบาท
น.ส.กาบแก้ว ให้การว่า เมื่อตอนอายุ 18 ปี มีคนรู้จักกันชื่อ น.ส.เจน ชาวเวียงจันทน์ มีสามีเป็นชาวไทย ซึ่งรู้จักสนิทกับนางไก่ ได้มาชักชวนให้ไปอยู่กับนางไก่ เนื่องจากตนเองเป็นคนกำพร้า ไม่มีพ่อและแม่ อาศัยอยู่กับยาย โดยนางไก่ได้จัดการให้ลูกน้องพาตนไปทำหนังสือเดินทางและพาเข้าเมืองไทย โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด และบอกว่าจะให้ไปอยู่ด้วย ช่วยเลี้ยงลูกของนางไก่ โดยจะจ่ายเงินค่าจ้างให้เดือนละ 6,000 บาท และเงินพิเศษอีก 2,000 บาท ตนจึงเดินทางมาอยู่ด้วย ผ่านไป 1 ปี ก็ไม่เคยได้รับเงินเดือน นอกจากนางไก่จะเอาเงินให้ใช้ครั้งละ 500-1,000 บาทเท่านั้น ตนจึงเก็บเสื้อผ้าหนีกลับไปอยู่เวียงจันทน์ได้ประมาณ 1 เดือน ตนได้โทรกลับไปหานางไก่ ซึ่งนางไก่ ได้เรียกให้ตนกลับมาอยู่ด้วย แต่เมื่อมาถึงเมืองไทย กลับทราบว่านางไก่ได้แจ้งความจับตนในข้อหาลักทรัพย์ และมีการออกหมายจับ ขณะเดียวกัน นางไก่ ได้ยื่นข้อเสนอว่า ให้ตนตัดสินใจว่าจะโดนจับเข้าคุก หรือจะไปอยู่กับนางไก่เหมือนเดิม ด้วยความกลัว ตนจึงกลับไปอยู่กับนางไก่เหมือนเดิม ได้อีกประมาณ 2 อาทิตย์ จึงได้หนีออกมาอีกครั้ง และไปอยู่ที่เมืองหลวงน้ำทา สปป.ลาว 2 ปี และมาแต่งงานอยู่กับแฟนหนุ่มที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตั้งอยู่ตรงข้าม อ.เชียงแสน และช่วยกันทำการค้าขาย
ปัจจุบันตนอายุ 24 ปี มีลูกสาวอายุ 5 เดือน 1 คน ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเองไม่ได้ลักทรัพย์ของนางไก่ตามที่ถูกกล่าวหา และพร้อมจะต่อสู้ข้อกล่าวหา รวมทั้งขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ดำเนินการช่วยเหลือตนในครั้งนี้
น.ส.กาบแก้ว ระบุด้วยว่า ขณะที่ทำงานอยู่กับนางไก่ ได้ติดตามนางไก่ไปเล่นการพนันที่บ่อนกาสิโนประเทศเพื่อนบ้านด้าน จ.เชียงราย หลายครั้ง และนางไก่ยังเคยบอกว่าจะคุยกับผู้ใหญ่ให้ช่วยทำให้ตนได้สัญชาติไทย แล้วจะพาไปเที่ยวประเทศออสเตรีย นอกจากนี้ ตอนที่อยู่กับนางไก่ ตนได้ยินนางไก่บอกกับผู้คนที่เข้ามาหาว่า นางไก่เป็นคุณหญิงอยู่เสมอๆ และยังมีการแอบอ้างบุคคลต่างๆ หลายระดับ หลายครั้ง และหลายคนอีกด้วย
น.ส.กาบแก้ว ให้การว่า เมื่อตอนอายุ 18 ปี มีคนรู้จักกันชื่อ น.ส.เจน ชาวเวียงจันทน์ มีสามีเป็นชาวไทย ซึ่งรู้จักสนิทกับนางไก่ ได้มาชักชวนให้ไปอยู่กับนางไก่ เนื่องจากตนเองเป็นคนกำพร้า ไม่มีพ่อและแม่ อาศัยอยู่กับยาย โดยนางไก่ได้จัดการให้ลูกน้องพาตนไปทำหนังสือเดินทางและพาเข้าเมืองไทย โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด และบอกว่าจะให้ไปอยู่ด้วย ช่วยเลี้ยงลูกของนางไก่ โดยจะจ่ายเงินค่าจ้างให้เดือนละ 6,000 บาท และเงินพิเศษอีก 2,000 บาท ตนจึงเดินทางมาอยู่ด้วย ผ่านไป 1 ปี ก็ไม่เคยได้รับเงินเดือน นอกจากนางไก่จะเอาเงินให้ใช้ครั้งละ 500-1,000 บาทเท่านั้น ตนจึงเก็บเสื้อผ้าหนีกลับไปอยู่เวียงจันทน์ได้ประมาณ 1 เดือน ตนได้โทรกลับไปหานางไก่ ซึ่งนางไก่ ได้เรียกให้ตนกลับมาอยู่ด้วย แต่เมื่อมาถึงเมืองไทย กลับทราบว่านางไก่ได้แจ้งความจับตนในข้อหาลักทรัพย์ และมีการออกหมายจับ ขณะเดียวกัน นางไก่ ได้ยื่นข้อเสนอว่า ให้ตนตัดสินใจว่าจะโดนจับเข้าคุก หรือจะไปอยู่กับนางไก่เหมือนเดิม ด้วยความกลัว ตนจึงกลับไปอยู่กับนางไก่เหมือนเดิม ได้อีกประมาณ 2 อาทิตย์ จึงได้หนีออกมาอีกครั้ง และไปอยู่ที่เมืองหลวงน้ำทา สปป.ลาว 2 ปี และมาแต่งงานอยู่กับแฟนหนุ่มที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตั้งอยู่ตรงข้าม อ.เชียงแสน และช่วยกันทำการค้าขาย
ปัจจุบันตนอายุ 24 ปี มีลูกสาวอายุ 5 เดือน 1 คน ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเองไม่ได้ลักทรัพย์ของนางไก่ตามที่ถูกกล่าวหา และพร้อมจะต่อสู้ข้อกล่าวหา รวมทั้งขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ดำเนินการช่วยเหลือตนในครั้งนี้
น.ส.กาบแก้ว ระบุด้วยว่า ขณะที่ทำงานอยู่กับนางไก่ ได้ติดตามนางไก่ไปเล่นการพนันที่บ่อนกาสิโนประเทศเพื่อนบ้านด้าน จ.เชียงราย หลายครั้ง และนางไก่ยังเคยบอกว่าจะคุยกับผู้ใหญ่ให้ช่วยทำให้ตนได้สัญชาติไทย แล้วจะพาไปเที่ยวประเทศออสเตรีย นอกจากนี้ ตอนที่อยู่กับนางไก่ ตนได้ยินนางไก่บอกกับผู้คนที่เข้ามาหาว่า นางไก่เป็นคุณหญิงอยู่เสมอๆ และยังมีการแอบอ้างบุคคลต่างๆ หลายระดับ หลายครั้ง และหลายคนอีกด้วย
