xs
xsm
sm
md
lg

พ่อนรต.ร่มไม่กางยื่นอัยการจี้สั่งคดีฟ้อง 11 ราย หลังผ่าน 2 ปี ไม่คืบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.59 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ถ.แจ้งวัฒนะ นายสาธร พุทธชัยยงค์ บิดาของนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ชยากร พุทธชัยยงค์ หรือโยโย่ ที่ฝึกกระโดดร่มแล้วร่มไม่กาง จนเสียชีวิตที่ จ.เพชรบุรี เมื่อปี 57 พร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อสส.เพื่อให้เร่งรัดคดี โดยมี พ.ต.อ.กู้เกียรติ เจริญบุญ อัยการประจำฝ่ายการสอบสวน 1 เป็นผู้แทน อสส.รับหนังสือ เพื่อให้พิจารณาต่อไป และเตรียมนำหนังสือเสนอให้ อสส.โดยตรง เพื่อพิจารณาและมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป

ขณะที่นายอนันต์ชัย ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 57 ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ โดยชั้นสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมด 11 ราย แต่อัยการจังหวัดเพชรบุรี พิจารณาสำนวนหลักฐานแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหา 4 ราย ในจำนวน 11 ราย ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการบินไทย น่าจะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อัยการจึงส่งสำนวนกลับให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากนั้นได้มีการส่งสำนวนต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบ จนมีการชี้มูลความผิดแล้ว พร้อมส่งสำนวนมาให้อัยการ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.59 ต่อมาจึงทราบว่าผู้ต้องหาบางรายได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ อสส.ซึ่งตนเห็นว่าอาจทำให้คดีอาญานี้ล่าช้า เนื่องจากฝ่ายบิดาผู้ตายและผู้เสียหายก็ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายกับผู้ต้องหาทั้ง 11 ราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปกติการพิจารณาคดีต้องรอผลทางคดีอาญา ซึ่งคดีก็ยังไม่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาล ดังนั้น วันนี้จึงยื่นคำร้องต่อ อสส.เพื่อให้เร่งพิจารณาคดีโดยด่วน

"เราไม่ตัดสิทธิผู้ต้องหาที่ยื่นร้องขอความเป็นธรรม แต่เราขอให้ อสส.เร่งพิจารณาสำนวนคดี เพราะความล่าช้าทำให้ความเป็นธรรมเสียไป ทั้งนี้ หากการพิจารณาของอัยการมีการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาบางราย เราจะใช้สิทธิในการยื่นฟ้องเอง" นายอนันต์ชัย กล่าว

นายอนันต์ชัย ทนายความ กล่าวอีกว่า ในคดีแพ่งนั้นมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 99 ล้านบาท กับการบินไทย , อุตสาหกรรมการบิน และผู้ต้องหาทั้ง 11 ราย ต่อศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ที่วันนี้ได้มีการไกล่เกลี่ยเจรจากันกับฝ่ายจำเลยที่เป็นนิติบุคคล โดยนับแต่ฟ้องมีการไกล่เกลี่ยมาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งในการไกล่เกลี่ยมีการเจรจาเรื่องค่าเสียหายที่ลดลงจากเดิม ผู้เสียหาย 4 ราย รวม 99 ล้านบาท เหลือประมาณ 40 ล้านบาท แยกเป็นผู้เสียหาย 4 รายๆ ละ10 กว่าล้านบาท ขณะที่จะมีการไกล่เกลี่ยอีกครั้ง ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ในการเจรจาพูดคุยเพียงเฉพาะการเยียวยาเรื่องการชดใช้ ส่วนความรับผิดทางอาญา เราขอสงวนสิทธิ์ในการจะขอเป็นโจทก์ร่วมฟ้องคดีต่อไป แม้คดีแพ่งจะได้รับการเยียวยา แต่ในส่วนของคดีอาญาก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีการยอมความอย่างแน่นอน และนอกจากนี้ ยังมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีมูลค่าความเสียหาย 99 ล้านบาท เช่นกัน แต่ในส่วนของเรื่องการฟ้องศาลปกครองนั้น เราไม่วิตกมาก เนื่องจากศาลปกครองเป็นศาลระบบไต่สวน ซึ่งสามารถที่จะเรียกพยานหลักฐานมาไต่สวนได้เลย ไม่ต้องรอผลจากคดีอาญาเหมือนคดีที่ศาลแพ่ง

เมื่อถามว่า แม้มีการไกล่เกลี่ยทางแพ่งแล้ว แต่ยังติดใจในการดำเนินคดีอาญาต่อ เพราะต้องการให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ นายอนันต์ชัย กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากลวดสลิงของเก่าชำรุด ซึ่งราคาของเก่าสูงถึง 90,000 บาท และของแท้ แต่ของใหม่ที่นำมาเปลี่ยนแทน ราคาเพียง 4,000 กว่าบาท ให้คิดดูว่าระหว่างของแท้กับของเทียมอะไรมีคุณภาพกว่ากัน ราคาแตกต่างกันมาก เป็นหนังคนละม้วน และเท่าที่ทราบลวดสลิงที่นำมาแทนนั้น มีการนำมาเจียรช่วงปลายเพื่อให้เข้าได้ ดังนั้นจะต้องเอาคนรับผิดมาลงโทษ

ด้าน นายสาธร บิดาผู้ตาย กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุได้รับการเยียวยา 250,000 บาท จาก สตช.สมัย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร.และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม อีก 100,000 บาท แต่กับผู้ต้องหาทั้ง 11 คน ยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเยียวยาใดๆ เราจึงได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง

"เงินที่เราได้รับจากหน่วยราชการก็นำไปใช้จัดงานศพอย่างสมเกียรติ ที่มี ผบ.ตร.มาร่วมด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เกินวงเงินที่ได้รับมา โดยการยื่นฟ้องแพ่ง 99 ล้านบาทนั้น พวกเราผู้เสียหายไม่ได้พูดถึงเรื่องกำไรหรือขาดทุนจากชีวิตลูกเรา แต่สิ่งที่พวกเราสูญเสียไปถือเป็นการติดลบ" นายสาธร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น