MGR Online - พ่อ 2 นรต.เหยื่อสลิงขาดขณะซ้อมโดดร่มยื่นหนังสือ ผบ.ตร.วอนเร่งรัดคดี หลังผ่านมา 2 ปีคดีไม่คืบ หวั่นเรื่องเงียบหาย เผยเคยสอบถาม พงส.เมื่อ มี.ค.อยู่ในขั้นตอนแจ้งขอหาทุจริตจัดซื้อผู้ถูกกล่าวหา 11 ราย เคยถูกขู่ฆ่าแต่แจ้งความไว้แล้ว
วันนี้ (4 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายจตุรงค์ ติรสุวรรณสุข และนายสาธร พุทธชัยยงค์ บิดาของ นรต.ณัฐวุฒิ ติรสุวรรณสุข และ นรต.ชยากร พุทธชัยยงค์ สองนักเรียนนายร้อยตำรวจที่เสียชีวิตระหว่างการฝึกโดดร่มเมื่อเดือนมีนาคม 2557 ภายในค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เพื่อให้เร่งรัดการทำคดีของพนักงานสอบสวนหลังจากผ่านมา 2 ปีกว่า คดีการเสียชีวิตของลูกชายไม่มีคืบหน้า โดยมี พ.ต.ท.บัญชาศิลป์ บุญมณี นายตำรวจเวรอำนวยการ เป็นผู้รับหนังสือแทน
นายจตุรงค์กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557 จากวันนั้นระยะเวลาผ่านมานานจนครบ 2 ปีแล้ว แต่ความคืบหน้าของคดีไม่มีความชัดเจน การทำคดียังอยู่เพียงชั้นพนักงานสอบสวน ทางครอบครัวเองก็ไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุใด เนื่องจากไม่เคยได้รับการชี้แจงจากตำรวจ จึงมาร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเนื่องจากมองว่าเป็นต้นสังกัด และน่าจะให้ความเป็นธรรมและเร่งรัดให้คดีมีความรวดเร็วขึ้นได้ เพราะหากปล่อยเอาไว้กลัวว่าเรื่องจะเงียบหายไป โดยก่อนหน้านี้เคยเข้าไปยื่นหนังสือที่ศูนย์ดำรงธรรม แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมถึงหลังจากเกิดเหตุทั้งสองครอบครัวยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“แม้การเดินทางมาเรียกร้องในครั้งนี้จะไม่ทำให้ชีวิตลูกชายอันเป็นที่รักกลับคืนมา แต่อย่างน้อยอยากให้เป็นบรรทัดฐาน เป็นอุทาหรณ์ และเป็นกรณีศึกษาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้เคยสอบถามไปยังพนักงานสอบสวนไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้รับคำตอบว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มเติมต่อผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 11 ราย และอยู่ระหว่างการรอหนังสือตอบรับจากผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ทางครอบครัวมองว่าการทำคดีนั้นมีความล่าช้าเนื่องจากคดีไม่มีความซับซ้อนมากนั้น เหตุใดคดีดังกล่าวยังไม่สามารถส่งสำนวนให้พนักงานอัยการฟ้องคดีได้จึงคิดว่าเรื่องดังกล่าวอาจติดอยู่ในระดับเหนือกว่าพนักงานสอบสวนก็เป็นได้ ทั้งยังเคยถูกขู่เอาชีวิต ซึ่งได้เข้าไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานเอาไว้แล้ว” นายจตุรงค์กล่าว
ด้านนายสาทรกล่าวว่า ความเป็นธรรมสำหรับผู้สูญเสียเป็นสิ่งที่ควรได้รับตามระบบ ไม่ใช่ให้ครอบครัวผู้สูญเสียวิ่งร้องหาความเป็นธรรม ขณะนี้ทางครอบครัวรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย นอกจากนี้ หากพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีแล้วไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน และตั้งแต่ ป.ป.ช.ชี้ว่ามีมีการกระทำผิดเมื่อเดือน พ.ย. 2558 ที่ผ่านมา และได้ส่งหนังสือให้กับทางตำรวจแล้ว สามารถนำไปรวมกับสำนวนเก่าคือประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วส่งอัยการได้เลย แต่ขณะนี้ผ่านมากว่า 6 เดือนแล้ว พนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ ก็ยังไม่สามารถส่งสำนวนให้อัยการได้ โดยให้เหตุผลว่าไม่เคยเจอคดีแบบนี้ เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว
นายสาทรกล่าวว่า นอกจากนี้ยังเคยมีผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ตนขอไม่บอกว่าเป็นใคร โทรศัพท์มาประสานให้ตนโทรไปหาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสายกระบวนการยุติธรรม ตนจึงมองว่ากระบวนการถูกแทรกแซงอย่างเด่นชัดแล้ว และทำให้ตนคิดว่าความหวังในการเรียกร้องขอความเป็นธรรมของคงยาก เพราะผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และตำรวจยศ พ.ต.อ.อีกหลายนายคงมีการประวิงเวลาให้นานที่สุด เหมือนหลายคดีที่ได้รับความสนใจจากสังคมอยู่ในขณะนี้
