นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีผู้ค้าปากคลองตลาด ชุมนุมประท้วงปิดการจราจร พร้อมนำดอกไม้เทลงบนถนนเชิงทางลงสะพานพระพุทธยอดฟ้าว่า ที่ผ่านมา กทม.พยายามเจรจาจัดหาที่ขายใหม่บริเวณใกล้เคียงให้ รวมถึงมีการผ่อนผันมานานกว่า 6 เดือน แต่ผู้ค้ายังคงผิดสัญญา จึงไม่สามารถผ่อนผันระยะเวลาออกไปได้อีก เพราะประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ค้าเพียง 50 รายที่ยังคงฝ่าฝืนขายของริมทางเท้า ทั้งนี้จะไม่มีการเจรจาเพื่อขอขยายเวลาอีก เพราะทุกคนต้องทำตามกฏหมาย
ด้านนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงกรณีผู้ค้าปากคลองตลาดรวมตัวปิดการจราจรฝ่าฝืนคำสั่งห้ามขายของบนทางเท้าว่า กทม.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด โดยในส่วนของผู้ค้ากลางวันนั้นเลิกทำการค้าไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ส่วนผู้ค้าเวลากลางคืน กทม.อนุญาต ให้ทำการค้าได้ถึงวันที่ 30 มิ.ย. ระหว่างเวลา 20.30-04.30 น. และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 59 ในส่วนของผู้ค้าปากคลองนั้นมีการพูดคุยกันมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดเวลาก็ควรจะเคารพกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาการจัดระเบียบผู้ค้าของ กทม.แล้วทั้งสิ้น 46 จุด จาก 22 เขตนั้นก็เรียบร้อยดีไม่มีผู้ค้าในจุดใดที่ฝ่าฝืน หากมีการผ่อนผันในจุดของผู้ค้าปากคลองตลาดแล้ว ก็ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ค้าจุดอื่นที่เคารพกฎหมาย และถือว่า กทม.กระทำความผิด อาจถูกฟ้องร้องได้
ทั้งนี้เบื้องต้นมีการหารือกับคณะผู้บริหารแล้วโดยยังยึดหลักการเดิม หากผู้ค้าต้องการเจรจาก็ไม่มีปัญหาสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และปฏิบัติตามกฏ ซึ่งผู้ค้าทุกจุดที่จัดระเบียบไปก็ทำตามนั้น ไม่มีปัญหา และยังยืนยันว่าจะให้การช่วยเหลือดูแลผู้ค้าอย่างต่อเนื่องและมากที่สุดเท่าที่ กทม.จะทำได้ โดยได้หาสถานที่รองรับผู้ค้าไว้หลายจุด อาทิ ตลาดยอดพิมาน ตลาดปากคลองตลาด ตลาดส่งเสริมเกษตรไทย และตลาดไท จึงอยากให้ผู้ค้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพื่อความถูกต้อง ความชอบธรรม และประโยชน์ของส่วนรวม
ส่วนมาตรการดูแลพื้นที่ยังคงเหมือนเดิมคือ จัดเจ้าหน้าที่ 210 คนตรึงกำลังอย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นเจ้าหน้าที่เทศกิจของ กทม.เป็นหลัก และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร คอยเป็นหน่วยสนับสนุน
ทั้งนี้ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ในช่วงเช้า อาจจะมีการหารือร่วมกันระหว่างผู้บริหาร สำนักงานเขตและตัวเทนผู้ค้าด้วย ส่วนจะสามารถดำเนินการตามคำเรียกร้องได้หรือไม่นั้นตนไม่สามารถตอบได้ แต่ กทม.จะยึดหลักกฏหมายอย่างเต็มที่
ด้านนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงกรณีผู้ค้าปากคลองตลาดรวมตัวปิดการจราจรฝ่าฝืนคำสั่งห้ามขายของบนทางเท้าว่า กทม.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด โดยในส่วนของผู้ค้ากลางวันนั้นเลิกทำการค้าไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ส่วนผู้ค้าเวลากลางคืน กทม.อนุญาต ให้ทำการค้าได้ถึงวันที่ 30 มิ.ย. ระหว่างเวลา 20.30-04.30 น. และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 59 ในส่วนของผู้ค้าปากคลองนั้นมีการพูดคุยกันมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดเวลาก็ควรจะเคารพกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาการจัดระเบียบผู้ค้าของ กทม.แล้วทั้งสิ้น 46 จุด จาก 22 เขตนั้นก็เรียบร้อยดีไม่มีผู้ค้าในจุดใดที่ฝ่าฝืน หากมีการผ่อนผันในจุดของผู้ค้าปากคลองตลาดแล้ว ก็ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ค้าจุดอื่นที่เคารพกฎหมาย และถือว่า กทม.กระทำความผิด อาจถูกฟ้องร้องได้
ทั้งนี้เบื้องต้นมีการหารือกับคณะผู้บริหารแล้วโดยยังยึดหลักการเดิม หากผู้ค้าต้องการเจรจาก็ไม่มีปัญหาสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และปฏิบัติตามกฏ ซึ่งผู้ค้าทุกจุดที่จัดระเบียบไปก็ทำตามนั้น ไม่มีปัญหา และยังยืนยันว่าจะให้การช่วยเหลือดูแลผู้ค้าอย่างต่อเนื่องและมากที่สุดเท่าที่ กทม.จะทำได้ โดยได้หาสถานที่รองรับผู้ค้าไว้หลายจุด อาทิ ตลาดยอดพิมาน ตลาดปากคลองตลาด ตลาดส่งเสริมเกษตรไทย และตลาดไท จึงอยากให้ผู้ค้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพื่อความถูกต้อง ความชอบธรรม และประโยชน์ของส่วนรวม
ส่วนมาตรการดูแลพื้นที่ยังคงเหมือนเดิมคือ จัดเจ้าหน้าที่ 210 คนตรึงกำลังอย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นเจ้าหน้าที่เทศกิจของ กทม.เป็นหลัก และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร คอยเป็นหน่วยสนับสนุน
ทั้งนี้ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ในช่วงเช้า อาจจะมีการหารือร่วมกันระหว่างผู้บริหาร สำนักงานเขตและตัวเทนผู้ค้าด้วย ส่วนจะสามารถดำเนินการตามคำเรียกร้องได้หรือไม่นั้นตนไม่สามารถตอบได้ แต่ กทม.จะยึดหลักกฏหมายอย่างเต็มที่
